> SET > M

17 มกราคม 2024 เวลา 11:56 น.

"M" จับตาไฮซีซั่น Q4/66 ต่ำคาด โบรกฯ หั่นกำไร-เป้าหมายที่42บ.

#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ส่องหุ้น M คาดกำไรสุทธิ Q4/66 อยู่ที่ 359 ล้านบาท (+12% YoY แต่ -8% QoQ) อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะอัตรากำไร (margin) ดีขึ้น ขณะที่กำไรอ่อนตัว QoQ จะเกิดจากมีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวใน Q3/66 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลงราว -8%/-13% จากปัจจัยของการปรับรายได้ลดลง การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A ต่อยอดขาย) และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เมื่ออิงจากการปรับประมาณการกำไรใหม่ ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ต่ำลงอยู่ที่ 42.00 บาท (จากเดิมที่ 52.25 บาท) คงคำแนะนำเพียง “ถือ”



Q4/66 ไฮซีซั่นไม่ช่วยให้กำไรแกร่ง


ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิใน Q4/66 ของ M จะอ่อนแอกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ก่อนหน้า โดยคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 359 ล้านบาท(+12% YoY แต่ -8% QoQ) กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากอัตรากำไรดีขึ้น ตามราคาวัตถุดิบที่ต่ำลง ขณะที่กำไรหลักน่าจะทรงตัว QoQ ส่วนกำไรลดลง QoQ จะมาจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ 20 ล้านบาทใน Q3/66 (ไม่มีรายการนี้ในไตรมาสนี้) ในกรณีที่กำไรใน Q4/66F เป็นตามที่ฝ่ายวิจัยคาด ทำให้กำไรปี 2566F อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (+6% YoY) คิดเป็น 92% ของประมาณการกำไรสุทธิเต็มปีของฝ่ายวิจัย


รายได้อ่อนตัวทั้ง YoY และ QoQ


ถึงแม้ว่าเป็นช่วง high season ฝ่ายวิจัยคาดรายได้จากยอดขายอ่อนแอลง 3% YoY และ 2% QoQ อยู่ที่ 4.0 พันล้านบาทใน Q4/66F และอยู่ที่ 1.66 หมื่นล้านบาท (+6% YoY) ในปี 2566F ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้ในสาขาเดิม (SSSG) คาดลดลง 3% YoY ในไตรมาสนี้เพราะฐาน Q4/65 ต่ำและสะท้อนสภาพการแข่งขันทางธุรกิจ ในด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ฝ่ายวิจัยประเมินว่า GPM ใน Q4/66 จะดีขึ้น YoY อยู่ที่ 66.5% เพราะราคาวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวลง แต่ทรงตัว QoQ ใน Q4/66F ทำให้ GPM ปี 2566F อยู่ที่ 66.0% (สมมติฐานปี 2566 ของฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 65.5%) 


สำหรับสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายใน Q4/66F จะอยู่ที่ 57.3% (เทียบกับ 56.3%/57.6% ใน Q4/65/Q3/66) เพิ่มขึ้น YoY จากต้นทุนพนักงานสูงขึ้น แต่ลดลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากต้นทุนด้านสาธารณูปโภคต่ำลง เมื่อรวมประมาณการสัดส่วน SG&A ต่อยอดขาย ใน Q4/66F สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 56.7% (สมมติฐานเต็มปี 2566F ของฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 55.4%)


เผชิญกับความท้าทายการแข่งขัน


เมื่อพิจารณาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ทำให้กดดันอัตรการเติบโตรายได้ของ M และความสามารถในการผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้น จึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2566F/2567F ลงราว -8%/-13% จากปัจจัย i) ปรับลดรายได้ลงราว 5% ในแต่ละปี (เป็นนัยว่า อัตราการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 6%/4% YoY ในปี 2566F/2567F) ii) ปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายขึ้นเป็น 56.7%/56.0% (จาก55.4/54.2%) และ iii) ปรับเพิ่ม GPM ขึ้นเป็น 66.0%/66.2% (จาก 65.5%/65.1%) ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรสุทธิที่ 6% YoY ในปี 2566F/2567F และคาดการเติบโตขึ้นเป็น 11% ในปี 2568F


ฝ่ายวิจัยปรับลด (de-rate) ค่า PE ลงเป็น 24x (จากเดิมที่ 26x) เพื่อสะท้อนโมเมนตัมอัตราการเติบโตของกำไรและการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง โดยปรับลดราคาเป้าหมายปลายปี 2567 ลงอยู่ที่ 42.00 บาท (จากเดิมที่ 52.25 บาท) ทั้งนี้ คงคำแนะนำเพียง “ถือ” หุ้น M รวมปัจจัยของงบดุลที่แข็งแกร่งท่ามกลางการถือเงินสดสุทธิในมือ ซึ่งอาจยังมีโอกาสสำหรับอัตราการจ่ายเงินปันผลได้สูงยิ่งขึ้น (หากไม่มีการลงทุนจำนวนมากในอนาคตอันใกล้นี้)



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X