15 มกราคม 2024 เวลา 06:00 น.
อย่างไรก็ตาม ผมยังคาดว่า SET INDEX จะประคองตัวได้ดีในช่วง 1Q/67 เนื่องจาก 1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มทำงานได้ดีขึ้น เช่น Easy e-Receipt ที่ส่งผลให้สภาพคล่องในระบบปรับตัวเพิ่มขึ้น 2. กำลังเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 4Q/66 ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นงบสวย เข้ามาช่วยพยุงการเคลื่อนไหวของดัชนี 3. Bond Yield ที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ทำให้ Earning Yield Gap เร่งตัวขึ้นเป็น 4.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 3.6% ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้ Downside ของ SET INDEX อยู่ในกรอบจำกัด
ผมคาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX สัปดาห์นี้ที่ 1,400-1,425 จุด โดยมีปัจจัยที่น่าติดตาม คือ 1. การประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของ ITD วันที่ 17 ม.ค. 2567 หากผ่านได้ จะทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นกู้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง 2. GDP 4Q/66 ของจีน และยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. 2566 ของสหรัฐ วันที่ 17 ม.ค. 2566 ผมแนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีนเป็นหลัก ถ้าฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จะทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้น 3. การประชุมคณะกรรมการ Digital Wallet ชุดใหญ่ช่วงปลายสัปดาห์ หากมีความชัดเจนในการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะทำให้ Domestic Play ตอบรับเชิงบวก แต่ถ้ายังไม่มีความชัดเจน จะทำให้ SET INDEX ยังอยู่ในโหมด Overhang
สำหรับหุ้นที่ผมจะเล่าให้ฟัง คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ผมคาดว่าจะ Turnaround เด่นในปีนี้ เพราะ 1. งบประมาณปี 2567 จะมีการเร่งเบิกจ่ายเพื่อชดเชยภาวะสุญญากาศในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะหนุนให้รายได้ของทั้งกลุ่มปรับตัวสูงขึ้น 2. ต้นทุนการผลิตจะลดลง ตามต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบ และค่าไฟฟ้าที่ลดลง 3. Valuation ของทั้งกลุ่มไม่แพง โดย PER เฉลี่ยเพียง 15 เท่า
ซึ่งหุ้นที่ผมประเมินว่ามีความโดดเด่น คือ DCON หรือ บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแผ่นพื้น, เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง, และอิฐมวลเบา ภายใต้ระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ซึ่งผมว่าคาดกำไร 4Q/66 จะออกมาโตเล็กน้อย YoY จาก 4Q/65 ที่ทำได้ราว 45 ล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้กำไรทั้งปีทำสถิติใหม่ที่ 206 ล้านบาท เติบโต 127% YoY
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2567 ผมคาดว่าจะโต YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง จาก 1. ธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ความต้องการเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ปลายปีก่อน ซึ่งถ้าธุรกิจนี้กลับมาปกติ คาดว่าทั้งปีจะมีกำไรราว 100-120ล้านบาท 2. ธุรกิจผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยขาดทุนรวมกันราว 25-30 ล้านบาทต่อปี จะพลิกกลับมาทำกำไรได้ราว 20-30 ล้านบาท ซึ่งผลจากการพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร จะหนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ราว 40-60 ล้านบาท 3.รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากปริญสิริเพิ่มขึ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ถือเพิ่มเป็น 25% จากช่วงต้นปี 2566 ที่ถือเพียง 15% คาดมีส่วนแบ่งกำไรให้ DCON ราว 60-70 ล้านบาทต่อปี
ส่วนในเชิง Valuation ถือว่าไม่แพง โดย PER2567 อยู่ที่ 9.6 เท่า, P/BV 0.9 เท่า, ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง D/E เพียง 0.4 เท่า และผมคาดว่า DCON จะกลับมาให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่น่าสนใจเหมือนในอดีต โดยถ้ากำไรปี 2566-2567 เป็นไปตามที่ผมคาด ผลตอบแทนจากเงินปันผลมีโอกาสสูงถึง 7-8% ต่อปี ถ้าอิง PER Multiplier ที่ 15 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม ราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 0.75 บาท ผมจึงมองว่า DCON มีความน่าสนใจในการลงทุน เพราะผลประกอบการโตต่อเนื่อง และ Valuation ไม่แพง พร้อมคาดการณ์เงินปันผลที่อยู่ในระดับสูง
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม