นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิล บอร์ดไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีกว่าปีก่อน ซึ่งในส่วนของตลาดในประเทศได้มีการออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น สำหรับตลาดต่างประเทศคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากญี่ปุ่นเริ่มกลับมาตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 รวมถึงประเทศอื่นๆ ก็เข้ามามากขึ้น ถือว่าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ส่วนทิศทางธุรกิจในปี 2567 ในส่วนของตลาดส่งออกจะกลับมา 80-90% จากปีนี้ที่ปรับตัวลดลงไปเนื่องจากปัญหาสงคราม ซึ่งเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะดีขึ้นในปีหน้าโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้ารายใหม่ หลังจากที่บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรบริษัท Homy Casa Inc. ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ในอเมริกา เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่าย สร้างยอดขายตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มมียอดขายเข้ามาชัดเจนปีหน้า
ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสสร้างช่องทางการจำหน่ายใหม่ และจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายในตลาดต่างประเทศ รวมถึงเป็นโอกาสสร้างแหล่งที่มาของรายได้ หนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตขึ้นได้ในอนาคต
“ตลาดส่งออกต่างประเทศในปีหน้าเราจะเติบโตเพิ่มขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ออเดอร์หายไปกว่า 50% จะกลับมาเป็น 100% จากโปรดักต์ใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกาที่เราไปร่วมทุนกับพันธมิตรก็จะเริ่มมียอดขายเข้ามาในปีหน้าเช่นกัน ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ของเรา ส่วนญี่ปุ่น อินเดีย และตะวันออกกลางก็ยังคงมีออเดอร์อยู่อย่างต่อเนื่อง” นายอารักษ์ กล่าว
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมา เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว ส่วน เฟส 2 (50MW) คาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในปี 2567 ขณะที่เฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบ
อนึ่งผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวม 650.80 ล้านบาท มีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 112.45 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566จำนวน 367.72 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/2566บริษัทมีรายได้รวม 327.98 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 121.95 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่เป็นเหตุการณ์สำคัญส่งผลกระทบต่อภาพรวมผลการดำเนินงานและงบการเงินไตรมาส 2 และงวด 6 เดือน ปี 2566อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ รายการค่าใช้จ่ายอื่น - ขาดทุนจากอัคคีภัย ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-Time Loss) จำนวน 108.55 ล้านบาท ทางบริษัทอยู่ระหว่างหารือข้อสรุปตัวเลขส่วนชดเชยจากบริษัทประกันภัย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวจะสามารถกลับมาบวกได้อีกครั้งตามมูลค่าส่วนที่ได้รับชดเชยจากบริษัทประภัยในภายหลัง
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม