การกลับมาบนหน้าจอทีวีอีกครั้งของกรรมกรข่าว “พี่ยุทธ-สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ขวัญใจแฟนข่าวทุกยุค ทุกสมัย ได้จุดกระแสให้หลายคนกลับมานั่งเฝ้าหน้าจอทีวีกันอีกครั้ง ด้วยฝีไม้ลายมือการเล่าข่าวที่เป็นหนึ่ง ด้วยสไตล์การนำเสนอ และเนื้อหาที่จัดหนัก จัดเต็ม เพียงไม่กี่วันเท่านั้นไม่ว่าใครในโซเชียลต่างก็พูดถึงกรรมกรข่าวท่านนี้

และด้วยกระแสที่ร้อนแรงดังกล่าว จะช่วยให้ BEC กลับมาผงาดอีกครั้งหรือไม่ เพราะท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง การโฆษณาต่างๆที่ไม่เหมือนเดิม จะช่วยให้ BEC กลับมามีกำไรและอนาคตจะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน

“กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวในรายการ ทันหุ้น ทันเกม เวลา 18.00 น.ในช่วงที่ผ่านมาถึงกรณีสรยุทธ สุทัศนะจินดากลับมาอ่านข่าวและการเติบโตของ BEC ในอนาคตว่า คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดากลับมาอ่านข่าวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.64 ถือว่าจะคำนวณตัวเลขยากหน่อยเพราะทาง BEC มองว่า Utilization ในเรื่องรายการโปรแกรมข่าวจะขึ้นมาเป็น 85-90% จาก 70-75%ซึ่งตรงนี้มีผลดีมากแค่ไหนก็ต้องไปดูผังรายการข่าว

ทั้งนี้เท่าที่ประเมินคร่าวๆก็จะมีรายการของทีมผู้ประกาศข่าว เช่น ในช่วงเช้า-รายการเรื่องเล่าเช้านี้ เวลา 06.00-08.20 น. เวลาดำเนินรายการราว 2.20 ชั่วโมง ซึ่งในช่วง 1 ชั่วโมง สามารถโฆษณาได้ราว 12 นาที ดังนั้นรายการมีเวลา 2.20 ชั่วโมง จะสามารถโฆษณาแบบเต็มแม๊คประมาณ 28 นาที ซึ่ง BEC มอง Utilization จาก 70% ขึ้นมาเป็น 90% นั่นแปลว่าที่เราเห็น 28 นาที อาจจะเห็นเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จริงๆเวลาโฆษณา 28 นาทีอาจจะเห็นการใช้แค่ 20 นาทีนิดๆ

แต่การที่ คุณสรยุทธมาทำให้คนแห่เข้ามาซื้อพื้นที่โฆษณาอาจจะแตะ 90-100%ก็ได้ สมมุติแตะ 90% มันจะมีนาทีโฆษณาที่ได้เพิ่มขึ้นมาต่อวันประมาณ 5.6 นาที ซึ่งรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ จันทร์-ศุกร์ Utilization ประมาณ 28 นาที บวกกับรายการ เรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์ เวลาประมาณ 1.45 ชั่วโมง สมมุติโฆษณาเพิ่มขึ้น 20% ได้เวลาโฆษณาเพิ่มขึ้น4 นาที จำนวน 2 วัน คิดเป็น 8 นาทีต่อวัน นั่นแปลว่าใน 1 สัปดาห์จะมีนาทีโฆษณาเพิ่มขึ้นราว 36 นาที ซึ่งค่าโฆษณารายการข่าวประมาณ 200,000 บาท นั่นหมายความว่าใน 1 สัปดาห์ ถ้าคิดเฉพาะเรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ รายได้ค่าโฆษณาของช่อง 3 ถ้าเราใช้เรท 200,000 บาท จะได้ค่าโฆษณา 7.2 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ซึ่งภายใน 1 เดือน คาดว่าจะได้ค่าโฆษณาราว 30 ล้านบาท

ทั้งนี้คุณสรยุทธจัดรายการในเดือน พ.ค.64 ซึ่งในปี 64 เหลือเพียง 7 เดือน คาดว่า BEC จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท แต่ต้องไปดูต้นทุนว่ามีอะไรบ้าง เช่น ค่าตัวคุณสรยุทธ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เราไม่ทราบ แต่ในอดีตผมเข้าใจว่าคุณสรยุทธได้เป็นนาทีโฆษณาเนื่องจากสมัยก่อนขายโฆษณาได้ค่อนข้างเต็มและคุณสรยุทธอาจจะได้จากการจัดรายการ สมมุติได้ขายโฆษณา 1 นาทีเข้าตัวเองเต็มๆต่อวันซึ่งในอดีตน่าจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ด้วยความที่หายไปนานแล้วกลับเข้ามาใหม่ ผมไม่แน่ใจว่า โครงสร้างจะเป็นอย่างไร และไม่ได้มีการให้ข้อมูลทำนองนี้

ดังนั้นจึงประเมินรายได้ในเบื้องต้นคาดว่าปี 64 นี้น่าจะทำได้ 200 ล้านบาท ถือว่าเยอะ แม้ในอดีตอาจจะไม่เยอะ แต่ว่าในปี 63 รายได้ 5,000กว่าล้านบาท ได้เพิ่มขึ้นมา 200 ล้านบาท จากคิดตัวเลขกลมๆ ซึ่งอาจจะดีกว่านี้เพราะช่วงแรกๆที่คุณสรยุทธมาหลายคนอาจอยากจะสนับสนุน หรือว่ามีดีมานด์เข้ามามากๆช่วงแรกๆก็ได้ ซึ่งในปี 63 เราเห็นตัวเลขขาดทุน 200 ล้านบาท ในปี 2564 รายได้น่าจะดีขึ้น บวกกับเศรษฐกิจเริ่มฟื้นในระดับหนึ่ง และมีคุณสรยุทธเข้ามาช่วยด้วย เท่าที่ผมดูเข้าใจว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BEC ปีนี้จะเริ่มกลับไปทำกำไร

อย่างไรก็ดีดูตัวเลขที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มอง BEC (อ้างอิงตัวเลขใน www.settrade.com ) กำไรต่อหุ้น(EPS) 0.33 บาทต่อหุ้น คูณจำนวนผู้ถือหุ้นล่าสุดราว 2,000 ล้านหุ้น จะได้กำไรราว 500-660 ล้านบาท สมมุติว่าถ้ากำไร 500 ล้านบาทซึ่งไม่รวมคุณสรยุทธ แต่ถ้ารวมก็น่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นโอกาสที่จะเห็นกำไรราว 660 ล้านบาทก็มีโอกาสที่จะทำได้ ดังนั้นผมคิดว่ากรณีนี้น่าจะมีโพเทนเชียล อัพไซด์ได้ในระดับหนึ่ง ช่วยมาเติมกำไรให้ BEC ได้ เพียงแต่ว่า ราคา BEC ในตอนนี้มีพี/อีระดับ 30 เท่าก็ถือว่าไม่ได้ถูกเป็นพิเศษ เป็นการฟื้นตัว ดังนั้นการเก็งกำไรในโซนแถว 10 บาทขึ้นไปก็จะมองว่าไม่ได้มีความถูกเป็นพิเศษ ถือว่าแพงในระดับหนึ่ง ดังนั้นต้องบริหารความเสี่ยงกันให้ดี

.

* * ก้าวสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 105 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/63 ที่ -275 ล้านบาท แต่ลดลง -61% QoQ กำไรสุทธิขยายตัว YoY ส่งผลจาก 1) รายได้รวมปรับตัวลดลง -21% YoY จากรายได้โฆษณาลดลง -18%YoY คาด utilization rate ที่ 62% (ไตรมาส 1/63 = 67%) และไม่มีรายได้จาก BEC Tero (ขายเงินลงทุนไปในไตรมาส 4/63) และรายได้ copyrights ปรับตัวฃลดลง เนื่องจากในไตรมาส 1/64 ไม่มี simulcast, 2) GPM ขยายตัว จากต้นทุนที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และ 3) SG&A expense ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างองค์กร

สำหรับกำไรที่ลดลง QoQ จาก 1) รายได้ค่าโฆษณาปรับตัวลดลง -14% QoQ เนื่องจากไตรมาสแรก เป็น low season ของกลุ่มมีเดีย ทำให้เม็ดเงินโฆษณากลุ่มทีวีปรับตัวลดลง -12% QoQ, 2) รายได้ copyrights ปรับตัวลดลง -63% QoQ โดยไตรมาส 4/63 มี simulcast 2 เรื่อง และ 3) ในไตรมาส 4/63 มีกำไรจากการขายเงินลงทุนใน BEC Tero 38 ล้านบาท

คงประมาณการปี 64 แม้มีการระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 แต่เราเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี64 หลังประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น เราคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มใช้สื่อโฆษณามากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เพื่อเตรียมรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลัง COVID-19 ระลอก 3 คลี่คลาย ประกอบกับ BEC จะเริ่มออกอากาศละครใหม่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/64 ทำให้รายได้โฆษณาและรายได้จาก Global Content Licensing (GCL) เพิ่มขึ้น 

ดังนั้น เราคงประมาณกำไรสุทธิที่ 552 ล้านบาท ผลประกอบการ turnaround ครั้งแรกในรอบ 3 ปี บนสมมติฐาน 1) รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น +14%YoY หนุนโดยรายได้โฆษณา +15% YoY จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวและรายได้ copyright & sale of goods +10% YoY และ 2) gross profit margin ขยายตัว YoY จากการรับรู้ cost saving จากการลด content cost, ปรับ organization structure เต็มปี และการยกเว้นค่า MUX fee เต็มปี

อย่างไรก็ดี คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท อิง PER 44.0x ปัจจุบัน BEC เทรดอยู่ที่ PER ที่ 35.5x เราเชื่อมั่นว่ายังไม่สะท้อนกำไรที่จะ turnaround ในปี 64 และเติบโตต่อเนื่อง +31% YoY ในปี 65 อีกทั้งยังมี upside จากการกลับมาทำข่าวของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา

.

.

"ทันหุ้น" นำเสนอข่าวผ่านสื่อโซเชียล ดังนี้

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1