ทันหุ้น–สู้โควิด -ARROWกางแผนเร่งปั๊มกำไรเติบโตต่อเนื่อง พร้อมคุมต้นทุนเหล็กให้มีคุณภาพ พร้อมสต็อกสินค้ากว่า 70% ของงานในมือที่มีอยู่ 1.1 พันล้านบาท เล็งรับงานเพิ่มขึ้น70-80% จากเดิม 60-70% ชี้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ทุ่มงบลงทุน 31ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยว่าแผนการดำเนินงานต่อจากนี้บริษัทจะเน้นการผลักดันกำไรให้เติบโต มากกว่าผลักดันรายได้ เนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบันอยู่ในภาวtรุนแรง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบเหล็กอยู่ในทิศทางที่ดี และมีประโยชน์ต่อการผลิตสินค้าของบริษัท

อีกทั้งบริษัทประเมินทิศทางเหล็กช่วงปลายปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจ และมาตรการการควบคุมเหล็กให้มีคุณภาพ ดังนั้นบริษัทจึงปรับแผนการสต็อกวัตถุดิบเหล็ก เพื่อผลิตสินค้าและรองรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ในช่วงปีนี้ไปถึงปีหน้า โดยบริษัทสต็อกสินค้าที่ 70% ของงานในมือ(Backlog)ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันที่ 1.1 พันล้านบาท

รับงานเพิ่ม80%

ขณะเดียวกันช่วงต่อจากนี้ บริษัทประเมินมูลค่างานใหม่ หรือโครงการที่เกิดขึ้นจะลดลง โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์การรับงาน โดยจะพยายามยื่นเสนอราคาและรับงานเพิ่มขึ้น 70-80% จากปกติรับงาน 60-70%

ทั้งนี้บริษัทคาดจะมีความสามารถในการรับงาน โดยเฉพาะการแข่งขันเรื่องต้นวัตถุดิบ และประสิทธิภาพในการผลิตสินค้า และบริษัทคาดแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 20-30% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 15-20%

อนึ่งปี 2562 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 205.47 ล้านบาท ส่วน 3 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 367.17 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62.99 ล้านบาท

เน้นงานพื้นฐาน

อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินทิศทางในไตรมาส 2/2563 จะเป็นไตรมาสที่บริษัทประมูลงานน้อยสุด 200-250 ล้านบาท จากปกติบริษัทมีงานประมูลอยู่ที่ 300-350 ล้านบาท และบริษัทประเมินทิศทางธุรกิจการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งมวลชน จะยังดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการเปิดโครงการ และบริษัทไม่มีความกังวลแม้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว เพราะสัดส่วน 60% บริษัทจำหน่ายสินค้าในกลุ่มการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 60% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 40%

นายธานินทร์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนลงทุนรวมทั้งหมดประมาณ 31 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนปรับปรุงเครื่องจักร จำนวน 6 ล้านบาท คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 3/2563 การลงทุนคลังสินค้า เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย จำนวน 15 ล้านบาท คาดจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 2/2563 และการลงทุนผลิตท่อลม จำนวน 10 ล้านบาท คาดจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 2/2563 ขณะที่กำลังการผลิตเฉลี่ยในปัจจุบันบริษัทใช้งานอยู่ที่ประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด