นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับร้อยสายไฟและข้อต่อต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นช่วงฟื้นตัว เพราะได้รับอานิสงส์จากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่มีสเถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) กลับมาจากการได้รัฐบาลใหม่ และมีโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนต่างๆ จากผู้ประกอบการทำให้บริษัทมองภาพการเติบโตปีนี้มีเกณฑ์ดีกว่าปีก่อน
ขณะเดียวกันบริษัทมีเป้าหมายจะผลักดันอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้ขึ้นมาอยู่ 2 ดิจิต แต่อาจจะไม่ง่ายมากนัก ส่วนยอดขายปีนี้ตั้งเป้าไม่สูง หรืออยู่ที่ระดับ 1.3 พันล้านบาท โดยผ่าน 10 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมองว่ามีโอกาสจะทำได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามหากสัญญาณราคาต้นทุนวัตถุดิบยังเป็นเหมือนกับไตรมาส 3 การแข่งขันไม่รุนแรง คาดจะทิศทางไตรมาส 4/2566 จะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา และอาจจะส่งผลดีต่อไปในปี 2567 อีกด้วย
ขณะที่งานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่เกือบ 1 พันล้านบาท และเชื่อว่าปี 2567 จะมีโครงการต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟฟ้า ดังนั้นมองว่าปี 2567 จะมีงานให้ทำต่อเนื่อง
สำหรับปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 5-10% และคาดว่าราคาต้นทุนวัตถุดิบจะอยู่ในช่วงราคาที่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งบริษัทซัพพลายวัตถุดิบจากประเทศจีน และปัจจุบันยังเป็นโอเวอร์ซัพพลาย ราคาไม่สวิง ดังนั้นภาพต้นทุนวัตถุดิบบริษัทยังมองเป็นบวก
ส่วนค่าแรงขั้นต่ำ มองว่าจะไม่กระทบต่อต้นทุนของบริษัทมาก เพราะมีสัดส่วนต้นทุนค่าแรงไม่เยอะ ขณะที่งานประมูล ณ ปัจจุบันยังเห็นภาพไม่ชัด และเชื่อว่าจะมีงานเชื่อมสนามบินออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเทา เป็นต้น ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ตาดจะเริ่มฟื้นตัวบ้าง ตามสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดใหม่
นายธานินทร์ กล่าวต่อว่า คาดช่วงต่อจากนี้ไม่มีการตั้งสำรองลูกหนี้ทางการค้าเพิ่มเติม หลังจากต้นปี 2566 บริษัทสะดุดเรื่องลูกหนี้บางเล็กน้อย และมีการตั้งสำรองไปในไตรมาส 1/2566 ราวๆ 10 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2 มีบ้างเล็กน้อย และในไตรมาส 3 ไม่มีรายการดังกล่าวแล้ว และหากช่วงที่เหลือปีนี้ สามารถจัดการปัญหาลูกหนี้ทางการค้าได้ อาจจะมีข่าวให้กับบริษัทจากการรับรู้ผลการบุ๊กเงินสำรองกลับเข้ามา
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มองหุ้น ARROW หรือ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่าผลประกอบการเติบโตโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 หลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ โดยประเมินราคาเหมาะสมอิง PER ที่ 16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ภายใต้สมมติฐานประมาณการปี 2566 ได้ราคาเหมาะสม เท่ากับ 8.00 บาท คงแนะนำ "ซื้อ"
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม