> mai > SELIC

25 ธันวาคม 2023 เวลา 08:55 น.

COMPANY SNAPSHOT : SELIC ชู 3 กลยุทธ์เด็ดปีมังกร ส่งสัญญาณเฮลธ์แคร์ทำเงิน

#SELIC #ทันหุ้น – แม่ทัพใหญ่ SELIC “ยุวดี  เอี่ยมสนธิทรัพย์” กางแผนงานปีมังกรทอง เล็งปั๊มมาร์จิ้นรวมเข้าพอร์ต 27% วาง 3 กลยุทธ์ดันยอดโต 40% ส่งกาวขายตลาดต่างแดน ส่วนเฮลธ์แคร์รุกเจาะคอนซูเมอร์ ดันผลงานโตโดด พร้อมเปิดรับพาร์ตเนอร์ร่วมทาง ลุยสร้างฐานเติบโตยั่งยืน


นางสาวยุวดี  เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า คาดรายได้รวมปี 2567 จะเติบโตจากปี 2566 จากการเติบโตธุรกิจเดิมของ SELIC และบริษัทที่เข้าลงไปลงทุนโดยคาดรายได้จะเติบโต 30-40% จากปี 2566 โดยปัจจัยที่จะทำให้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด คือกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ส่วนธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติกเกอร์ หรือฉลากที่มีกาวในตัวมองว่าจะฟื้นตัวกลับมาในปี 2567


** ดันมาร์จิ้นพุ่ง

ขณะเดียวกันคาดทิศทางอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) รวมทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ราว 26-27% จากการขยายฐานและเพิ่มรายได้ของแต่ละกลุ่ม


 สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2567 ในกลุ่ม SELIC บริษัทแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.การผลักดันยอดขาย กำไร ในกลุ่ม SELIC 2.การมองหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งกลยุทธ์นี้ยังเป็นหนึ่งแผนอยู่ในทุกปี และ 3.การขับเคลื่อน พัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืน ทั้งทางสังคม สิ่งแวดล้อม โดย SELIC บริษัทใหญ่สามารถทำได้ดี โดยจะเห็นจากการรับรางวัลต่างๆ และบริษัทจะนำวิธีการปฏิบัติมาสู่บริษัทในเครือ หรือกลุ่ม SELIC


ทั้งนี้การเติบโตโดยกลุ่มแรก หรือการเติบโตแบบปกติ การผลิตและจำหน่ายกาวอุตสาหกรรม บริษัทจะเน้นการขายในประเทศเป็นหลัก และการขายกาวมีความแตกต่างกับสติกเกอร์ เพราะการขายในประเทศจะมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% ส่วนการขาสติกเกอร์จะมีนักหนักการขายต่างประเทศมากกว่าที่ 70-80%


ส่วนการขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หรือที่เรียกว่าเฮลธ์แคร์ เป็นสินค้าของผู้บริโภคโดยตรง หรือ B2C ส่วนกาว สติกเกอร์ขายกลุ่ม B2B ดังนั้นการขาย และภาพอัตรากำไร (มาร์จิ้น) จะค่อนข้างแตกต่างกัน โดยมาร์จิ้นของกาวอยู่ที่ 24-25% สติกเกอร์ 20% ส่วนเฮลธ์แคร์มาร์จิ้นเกือบ 40%


** อัพกำลังผลิต

สำหรับการลงทุนกลุ่มแรก อาจจะมีการลงทุนของสติกเกอร์ เพราะ Capacity ค่อนข้างเต็ม แต่ไม่ได้ลงเป็นค่าลงทุนโดยตรง แต่อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของการทำการตลาดกลุ่มสติกเกอร์ ขณะที่การลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่บริษัทเปิดโอกาสนั้น มีความเป็นไปได้ทั้งการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวเนื่องกับกาว สติกเกอร์ โดยบริษัทมีแผนจะขยายสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่มีส่วนดี และเป็นผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น


ส่วนเงินลงทุนที่จะขยายธุรกิจ บริษัทมองว่ายังเพียงพอต่อการลงทุน ขณะเดียวกันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 ที่ 1.29 เท่า โดย D/E ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ บริษัทตั้งเป้าจะไม่ให้ D/E สูงเกิน 3 เท่า


ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ของปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1.9 พันล้านบาท จากรายได้ 3 ประเภทที่จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการขายและบริการของธุรกิจแบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 28%  2. ธุรกิจสติกเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัวอยู่ที่ 43% และ 3. ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอยู่ที่ 29%


ขณะที่ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 45.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.5% จากไตรมาสก่อน และ 221.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยทุกกลุ่มธุรกิจทำได้ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับ รายได้รวมอยู่ที่ 483.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน และ 19.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 1,394.11 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47.07 ล้านบาท

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X