นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนธุรกิจในปี 2567 ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ หลังจากนี้คาดจะนำเสนอคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ภายในเดือนธันวาคม 2566
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามปี 2567 ในเรื่องสงครามต่างๆ จากต่างประเทศ รวมถึงการควบคุมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยนี้ส่งผลต่อการส่งออก ดังนั้นปี 2567 อาจจะต้องจับตาดูปัจจัยภายนอกหลายๆ เรื่อง โดยคาดว่าการเติบโตจะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมองว่ากลุ่มธุรกิจด้านกาวอุตสาหกรรมที่ใช้กับอาหารยังมีการเติบโตสูง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศมากขึ้น รวมถึงกาวในกลุ่มรองเท้า เครื่องหนังต่างๆ
ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 บริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 3/2566 เพราะเริ่มมีสัญญาณบวกจากตลาดต่างประเทศเข้ามา ส่วนปัจจัยบวกที่จะเข้ามาเสริม ได้เเก่ ประเทศซื้อสินค้าของบริษัทที่ผ่านมาประสบปัญหาด้านนโยบายการเงินภายในประเทศ ทำให้การส่งออกมีการชะลอไปบ้างในช่วงไตรมาสที่ 1-2 /2566 แต่ปัจจุบันในบางประเทศได้มีการแก้ไขนโยบายทางการเงินแล้วบางส่วน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการที่กลับมาเหมือนเดิม
ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ของปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1,900 ล้านบาท จากรายได้ 3 ประเภทที่จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการขายและบริการของธุรกิจแบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 28% 2. ธุรกิจสติกเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัวอยู่ที่ 43% และ 3. ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอยู่ที่ 29%
ขณะที่ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 45.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.5% จากไตรมาสก่อน และ 221.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยทุกกลุ่มธุรกิจทำได้ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับ รายได้รวมอยู่ที่ 483.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน และ 19.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เนื่องจากเพิ่มช่องทางขายทั้งแบบ Over The Counter และ Modern Trade เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทำได้ดีในการผลักดันการขายสินค้าไปยังประเทศในกลุ่ม AEC เช่น ประเทศสปป.ลาว และ ประเทศเมียนมา
นอกจากนี้ยังมีโอกาสทางการขายที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกในไตรมาสต่อไป เช่น การขยายตลาดไปประเทศกัมพูชา และการเพิ่มประเภทสินค้าเข้าสู่กลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มอัตราการผลิต โดยเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตในไตรมาสนี้
ขณะที่บริษัทมุ่งเน้นสร้างยอดขายเพื่อสอดรับกับกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ผ่านทางธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพโดยการผลักดันผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเข้าสู่ตลาด ภายใต้แบรนด์ Neoplast และ Neobun
นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของรายได้ จากทั้งธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติกเกอร์ และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิในระดับที่ดีขึ้น โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการบริหารจัดการต้นทุนภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นตามลำดับ ผ่านกระบวนการทาง Supply Chain บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายในการจัดการและพัฒนาทรัพยกรบุคคล ให้เกิดการพัฒนาเป็นทรัพย์สินที่สร้างคุณค่าให้แก่บริษัท เป็นต้น
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม