#AI #ทันหุ้น – AI รองานใหญ่ลูกถ้วยไฟฟ้า มั่นใจกลุ่มธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าปี 2566 โต 40% จากทิศทางการประมุลงานที่เพิ่มขึ้นเตรียมส่งมอบแบ็กล็อกกว่า 200 ล้านบาท ภายในไตรมาส 2/2566 ด้านธุรกิจไบโอดีเซลฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน จากดีมานด์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายธนิตย์  ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการไฟฟ้าและพลังงาน เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างรองานลูกถ้วยไฟฟ้าล็อตใหญ่ ซึ่งเตรียมเปิดประมูลในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งจะมาจากกลุ่มลูกค้าหลักๆ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ส่วนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรอง ได้แก่ ผู้รับเหมา ซึ่งรับเหมางานปักเสา และพาดสายจาก กฟภ. และกฟน. ซึ่งโดยปกติบริษัทจะประมูลงานเข้ามาต่อปีไม่ต่ำกว่า 1,000-1,500 ล้านบาท

และในแต่ละปีทางหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กฟผ. กฟภ. และ กฟน. จะมีแผนการทำโครงการในปีงบประมาณ 2566 ออกมาเเล้วบางส่วน โดยปกติจะมีออกมาประมาณ 2,000 ล้านบาท

*ตุนแบ็กล็อก 200 ล.

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) อยู่กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งยังเดินหน้าทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งมอบงานในมือได้ทั้งหมดในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 90% โดยในกลุ่มธุรกิจของลูกถ้วยไฟฟ้า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 เติบโต 40% จากปี 2565 จากทิศทางการจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าในปี 2566 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายทำให้ภาครัฐกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติ และเศรษฐกิจที่ปรับตัวไปในทิศทางที่ดี ซึ่งจะทำให้สามารถเปิดประมูลงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงปี 2565

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้ออกสินค้าลูกถ้วยไฟฟ้านวัตกรรมที่จดสิทธิบัตรเป็นของบริษัทเอง ซึ่งมีคำสั่งซื้อจากภาครัฐเข้ามาแล้วโดยไม่ต้องประมูลราว 700 ล้านบาท

*ไบโอดีเซลฟื้น

สำหรับทิศทางการเติบโตของ บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ผู้ผลิตพลังงานทดแทนน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มที่มีขนาดใหญ่ ด้วยระบบการกลั่น และการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ในปี 2566 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ดีมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจุบันถือว่าความต้องการใช้ยังอยู่ในระดับทรงตัว โดยการใช้น้ำมันไบโอดีเซลเริ่มมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นไฮซีซันของธุรกิจและช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา

โดยหลังจากนี้ต้องรอว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนปัจจุบันกำลังการผลิตรวมของบริษัทอยู่ที่ 75% จากกำลังกลับเหรียญรวม 750,000 ลิตรต่อวัน นอกจากนี้ในปี 2566 หากภาครัฐ มีนโยบายปรับลดสูตรผสมน้ำมันไบโอดีเซล (B100) จากปัจจุบันเป็น B5 เป็น B7 ก็จะทำให้ดีมานด์โดยรวมเพิ่มขึ้น

*ปริมาณขายเพิ่มขึ้น

สำหรับในปี 2565 ที่ผ่านมากำไรสุทธิของ AIE ลดลงสาเหตุมาจากปริมาณการขายของบริษัทได้รับผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐที่มีมติให้ปรับลด สัดส่วนประสมน้ำมันไบโอดีเซลจาก B7 เหลือ B5 แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27กันยายน 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งที่ 14/2565 มีมติให้ปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลจาก B5 เป็ น B7 โดยมีผลวันที่ 10 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2565 ทำให้ปริมาณขายในไตรมาสสุดท้ายปรับตัวสูงขั้น และการปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลในไตรมาสสุดท้ายไม่สามารถทำให้ปริมาณการขายของปี 2565 เพิ่มสูงขึ้น กว่าปี 2564

และราคาขาย ในปี 2565 สูงกว่าปี 2564 โดยราคาวัตถุดิบในปี 2565 มีราคาวัตถุดิบที่ 28.93-61.22บาทต่อกิโลกรัม และในปี 2564 มีราคาวัตถุดิบที่ 30.75-47.45 บาทต่อกิโลกรัม (อ้างอิงราคาที่ประกาศโดยกรมการค้าภายใน : DIT) จากการผันผวนของราคาน้ำมันปาลม์ดิบในระหว่างปี 2565 ทำให้บางช่วงเวลาบริษัทมีต้นทุนผลิตสูงกว่าราคาขายเฉลี่ย 8.00-10.00 บาท ต่อกิโลกรัม และ ณ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการลดมูลค่าของสินค้าจำนวน 14.00 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทได้กำหนดนโยบายโดยเน้นให้ความสำคัญในการบริหารจัดการวัตถุดิบ (น้ำมันปาลม์ดิบ) ให้มีอัตราการหมุนเวียนของสินค้าที่เร็วขึ้นและเก็บสต๊อกไว้ระหว่าง 15 -25 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1