สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน สัปดาห์หน้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกลับมาคึกคักอีกรอบ หลังจากที่เงียบเหงาในสัปดาห์ก่อน เพราะเป็นช่วงหยุดยาวของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า แต่สัปดาห์หน้าตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับมาเปิดปกติ และมีหลายปัจจัยที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนในการลงทุนของตลาดหุ้นไทย เริ่มตั้งแต่ 1.วันที่ 28 พ.ย. จะมีการเปิดเผยยอดส่งออกเดือน ต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 6% YoY หากออกมาดีกว่าคาด อาจหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตรให้กลับมาฟื้นตัวระยะสั้น 2. วันที่ 30 พ.ย. การประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.25% อาจหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ 3. 30 พ.ย. การพิจารณากฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งของศาลรัฐธรรมนูญ หากวินิจฉัยว่าสามารถแก้ไขได้ จะทำให้ภาพการเลือกตั้งของไทยที่จะเกิดขึ้นกลางปีหน้า มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น 4. ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตาคือ การเปิดเผยอัตราการว่างงานเดือน พ.ย. ของสหรัฐวันที่ 2 ธ.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% จาก 3.7% ในเดือน ต.ค. และคาดยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 200,000 คน ลดลงจากเดือน ต.ค. ที่ 261,000 คน หากข้อมูลภาคแรงงานของสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด จะช่วยลดโอกาสการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 14 ธ.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% เป็น 4.50%

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมที่ดูมีน้ำหนักเป็นบวกต่อ SET Index มากกว่าลบ ผมจึงมองแนวโน้มการเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้เป็นแบบ Sideway up ในกรอบ 1,610-1,650 จุด โดยมีกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจคือ 

1. โรงไฟฟ้าที่จะมีความชัดเจนทั้งการปรับขึ้นค่า Ft และความคืบหน้าในการเข้าเสนอขายไฟสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

2.กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมุมมองทางเศรษฐกิจที่ยังเป็นบวกจากการประชุม กนง.

3. กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวจะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคปลายปีในการประชุม ครม. 

4. กลุ่มหุ้นขนาดกลางเล็ก คาดหวังการฟื้นตัว จากความกังวลในกรณีหุ้น MORE ที่คลายตัวลงเป็นลำดับ

สำหรับหุ้นที่ผมนำมาเล่าให้ฟังสัปดาห์นี้คือ PORT หรือ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) ให้บริการธุรกิจดังนี้ 

1.ให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร 

2. ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก 

3. ให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า 

4. การให้บริการที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ 

ผลประกอบการที่ผ่านมาไม่สวย เพราะค่าขนส่งทางเรือที่แพง ทำให้เรือไม่เข้าท่าของ PORT และการขนส่งทางรถที่บริษัทมีการปรับตัวเพื่อรองรับการชะลอตัวของอุตสาหกรรมท่าเรือ ถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานที่ขึ้นแรง มีเพียงธุรกิจคลังสินค้าที่ช่วยค้ำจุนธุรกิจในช่วงที่ถูกกระทบจาก COVID-19 ระบาดอย่างหนัก แต่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น บริษัทกลับมามีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาทใน 3Q/65 ถือเป็นการกลับมามีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส และดีสุดในรอบ 4 ไตรมาส จากจำนวนเรือเข้าท่าที่มากขึ้น เพราะค่าขนส่งและค่าเช่าตู้คอนเทนเนอร์ปรับตัวลงเร็ว ซึ่งแนวโน้มยังดีขึ้นต่อเนื่องใน 4Q/65 ขณะที่ ธุรกิจขนส่งทางรถได้แรงหนุนจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เริ่มทรงตัว ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น เมื่อพิจารณาประกอบกับมาตรการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ดำเนินมาตลอด 1 ปีเต็ม ทำให้การฟื้นตัวของผลประกอบการรอบนี้ จะมาพร้อมอัตรากำไรที่เร่งตัวขึ้นตามผลของ Operating leverage ด้วย โดยผมคาดว่าผลประกอบการจะโต QoQ และ YoY ต่อเนื่องในอีก 4 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิปี 2566 มีโอกาสทำได้ราว 60-80 ล้านบาท ถ้าอิงกำไรสุทธิที่ 80 ล้านบาท หรือไตรมาสละ 20 ล้านบาท (ต่ำกว่าช่วงปกติที่ทำได้เฉลี่ยไตรมาสละ 30 ล้านบาท) ที่ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PER เพียง 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นท่าเรือในภูมิภาคที่ 25 เท่า และค่าเฉลี่ยในอดีตของตัวเองที่ 30 เท่าอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้น PORT จึงถือเป็นหุ้น Turnaround ที่น่าสนใจครับ แนวรับ 2.10 บาท แนวต้าน 2.30 บาท และ 2.50 บาท

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความของ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1