ทันหุ้น – TNP ประเดิมศักราชใหม่ 7 วันแรกปีฉลู ยอดขายพุ่งพรวด เหตุโครงการภาครัฐหนุน ทั้งบัตรประชารัฐ และคนละครึ่งกลุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อโกยยอดขายสูงสุด ด้านแม่ทัพหญิง “อมร พุฒิพิริยะ” ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีโต 10-15% ทุ่ม 100 ล้านบาท ลุยขยายสาขา 5 แห่ง ฟากโบรกเคาะพิกัด 4.30 บาท

นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก และค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ยอดขาย 7 วันแรกของปี 2564 ที่ผ่านมามีทิศทางเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2563 ซึ่งสาเหตุที่สนับสนุนให้ยอดขายมีทิศทางมาจากโครงการภาครัฐ เช่น โครงการบัตรประชารัฐ เป็นต้น สำหรับหมวดสินค้าที่ยอดขายสูงคือกลุ่มของใช้ในครัวเรือน ในกลุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อ ขณะที่หมวดสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮล ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน แต่ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ หรือการดำเนินงานของบริษัท

ยอดโตกระหึ่ม

สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ บริษัทประเมินว่าพื้นที่เชียงรายยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ประกอบกับผู้บริโภคในพื้นที่ไม่ได้วิตกกังวล เมื่อเทียบกับโควิด-19 รอบก่อน ทั้งนี้ยอดขายหมวดสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนยังเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

ส่วนมาตรการ “คนละครึ่ง” ให้ประชาชนที่อายุ 18 ปี ขึ้นไปจำนวน 10 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ให้เวลาใช้ 3 เดือน โดยจะกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท แต่จะเป็นลักษณะร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่าย 50% และ รัฐจ่ายให้ 50% บริษัทคาดจะได้รับอานิสงส์ทางอ้อม จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าและนำไปจำหน่ายต่อ ส่งผลให้ช่วง 7 วันแรกของปี 2564 สินค้ากลุ่มค้าส่งมียอดขายโตเพิ่มขึ้น แต่เมื่อดูภาพรวมยอดขายค้าส่งอาจจะยังชะลอตัว เพราะได้รับการสนับสนุนโรงการภาครัฐเป็นบางช่วงเท่านั้น ขณะที่สัดส่วนยอดขายหลักของบริษัทคือกลุ่มค้าปลีก

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดประเมินทิศทางยอดขายปี 2564 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 โดยมองอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10-15% จากยอดขายสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทวางแผนจะเพิ่มสาขาในปี 2564 อีกจำนวน 5 สาขา เบื้องต้นคาดจะใช้เงินไม่เกิน 100 ล้านบาท

เคาะเป้ า 4.30 บ.

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS แนะนำ “ซื้อ” TNP ราคาเหมาะสมปี 2564ที่ 4.30 บาท โดย บริษัทรายงานกำไรงวดไตรมาสน 3/2563 เท่ากับ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนและ เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้าตามคาด โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นสู่ 519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนและ เพิ่มขึ้น 0.1% % จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นสู่ 30 สาขา จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มี 27 สาขา ประกอบกับ SSSG ที่พลิกเติบโตเท่ากับ 0.1% จากไตรมาส 2/2563 ซึ่งอยู่ที่ระดับ -7.7% ฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นช่วงสถานการณ์ COVID-19 และ Lockdown เมือง

ส่วน % GPM ทรงตัวในระดับสูงที่ 16.6% (โดยคาด %GPM จะเป็น base ใหม่อยู่ที่ระดับ +/-16% จากเฉลี่ย 3 ปีก่อนอยู่ที่ระดับ 12-13%) ตามการขยายสาขาค้าปลีกที่มี %GPM สูงที่ระดับ 17-18%โดยผลประกอบการงวด 9เดือน 2563 เท่ากับ 89.7 ล้านบาท +60%YoY คิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปี 2563