ทันหุ้น – TNP โดดรับอานิสงส์ทางอ้อมโครงการ “คนละครึ่ง” พบลูกค้าซื้อสินค้าไปขายต่อเพียบ มั่นใจดันยอดขายไตรมาส 4/63 สดใส ส่วนทั้งปีคาดทำได้ตามเป้า 1.96 พันล้านบาท พร้อมชงบอร์ดลุยแผนปี 64 เดินหน้าขยาย 5 สาขาใหม่อัพยอดเพิ่ม หลังความต้องการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคมีอีกเพียบ

นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก และค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำแผนธุรกิจเสนอคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด)ในวันที่ 19 ธันวาคม เพื่ออนุมัติแผนการดำเนินงาน เบื้องต้นบริษัทยังขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา จากปีนี้คาดมีสาขาครบ 32 สาขา ส่วนงบลงทุนและตัวเลขการเติบโต ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากบอร์ดยังไม่อนุมัติแผนงาน

มองค้าปลีกโตต่อ

ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศคาดจะยังทรงตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ส่วนภาพการจับจ่ายใช้สอยในจังหวัดเชียงรายยังอยู่ในระดับปกติ ทำให้ประเมินทิศทางธุรกิจค้าปลีกของบริษัทปีหน้า จะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีนี้ โดยการเติบโตมาจากการเติบโตของสาขาเก่า และการขยายฐานสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการมากขึ้น

สำหรับประเด็นการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย หากเป็นกรณีที่แย่สุด หรือ 2 จังหวัดโดน ล็อกดาวน์ บริษัทไม่กังวล เพราะคาดว่าสินค้าอุปโภค บริโภค หรือการจำหน่ายสินค้าของบริษัทยังมีความจำเป็น และคาดจะเป็นที่ละเว้นหากล็อกดาวน์ พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมความพร้อมสำหรับการจำหน่ายสินค้า เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคหากเกิดเหตุล็อกดาวน์จริง และคาดสินค้าจะไม่ขาดตลาด เพราะพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้ออยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัด คือเชียงใหม่ และเชียงรายเท่านั้น

ด้านทิศทางยอดขาย 2 เดือนแรกของไตรมาส 4/2563 บริษัทมียอดขายที่ดี ทำให้คาดว่าภาพรวมในไตรมาส 4 จะยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ประกอบกับการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะช่วยสนับสนุนยอดขายให้เติบโตได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากฐานลูกค้าของ TNP ส่วนหนึ่งคือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

รับอานิสงส์ทางอ้อม

ส่วนมาตรการ “คนละครึ่ง” ให้ประชาชนที่อายุ 18 ปี ขึ้นไปจำนวน 10 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ให้เวลาใช้ 3 เดือน โดยจะกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท แต่จะเป็นลักษณะร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่าย 50% และ รัฐจ่ายให้ 50% บริษัทคาดจะได้รับอานิสงส์ทางอ้อม จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าและนำไปจำหน่ายต่อ

ทั้งนี้บริษัทมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15% จากปีก่อน 1.96 พันล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทเตรียมจะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งภายในไตรมาส 4/2563 ปัจจุบัน ธนพิริยะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 31 สาขา ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 25 สาขา จังหวัดพะเยา 4 สาขา และจังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา พร้อมหาสินค้าใหม่เข้ามาจำหน่าย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้ามาร์จิ้นสูง จากการร่วมมือกับพันธมิตรนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย

สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 89.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 33.51 ล้านบาท คิดเป็น 59.60% โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 5.65%ซึ่งภาพรวมการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิเกิดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และมียอดขายที่ 1.58 พันล้านบาท

เคาะเป้า 4.30 บ.

ฟากบทวิเคราะห์จาก บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า เริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TNP และประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 4.30 บาท อิง PER 27x เทียบเท่า 5-year average PER และ 2563 EPS ที่ 0.16 โดยเรามองว่าผลการดำเนินงานบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังมีปัจจัยหนุนรายได้จากมาตรการภาครัฐออกมากระตุ้นการบริโภค ทั้งนี้ TNP ยังคงมีความน่าสนใจจากการเติบโตตามการขยายสาขา และมีอัตราการเติบโตของกำไร 2015-2021E CAGR ที่ 24.5%