ทันหุ้น - สู้โควิด - บิ๊กบอส IIG “สมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์” เตรียมเปิดตัว “ซุปเปอร์แอฟ” ทำเงินปลายปีนี้ พร้อมตั้งกลุ่มธุรกิจด้านดาต้ารับทรัพย์เพิ่ม ส่วนธุรกิจดิจิทัลมาร์เก็ตชี้ยังโตได้อีกมาก คาดสัดส่วนรายได้ปีหน้าอยู่ที่ 10-15% จากปีนี้เพียง 2% มั่นใจดันผลงานทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 30%

นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG เปิดเผยว่า บริษัทกำลังศึกษาการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเป็นของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจทั้งในกลุ่มลูกค้า CRM ที่ใช้บริการของบริษัทอยู่แล้ว รวมไปถึงแอฟพลิเคชั่นเพื่อตอลสนองกลุ่มบริโภคทั่วไป ซึ่งบริษัทมีความหวังว่าจะสามารถกลายเป็นซุปเปอรแอป (Super App) โดยคาดว่าจะเปิดตัวช่วยปลายปีนี้

ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมที่จะตั้งกลุ่มธุรกิจด้านดาต้าเพื่อสร้างรายได้นอกเหนือจากธุรกิจ CRM – ERP และ Digital Marketing

ดิจิทัลมาร์เก็ตโตดี

ทั้งนี้มองโอกาสในส่วนของธุรกิจ การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ยังเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากเพิ่งเริ่มในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนของรายได้ในส่วนนี้อยู่ที่ 2% ขณะที่ในปี 2564 คาดว่ารายได้จะขยับขึ้นเป็น 10-15% ส่วนในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าจะเติบโตเท่ากับรายได้ของ CRM ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 55%

สำหรับปัจจุบันกระแสตอบรับดีมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิมของบริษัทไม่ต่ำกว่า 50% ของลูกค้าทั้งหมด ให้บริษัททำ Digital Marketing

“ธุรกิจในเทรนด์ต่างๆ ตอนนี้จำเป็นต้องมีระบบตามหลังลูกค้า เราต้องเก็บข้อมูล ตามข้อมูลลูกค้า เพื่อให้เกิดโรโยตี้ และการซื้อซ้ำ สิ่งที่สำคัญคือดาต้า เป็นการทำงานกับดาต้าทั้งหมด ถ้าใครไม่ได้เข้ามาในจุดนี้ก็คือเอ้าท์ ซึ่งที่ผ่านมากระแสตอบรับดีมาก เราแทบจะไม่ต้องไปหาลูกค้าใหม่ เพราะลูกค้าเดิม CRM ต้องการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งกันหมด ยุคนี้ต้องรู้จักลูกค้า ในส่วน CRM ได้ข้อมูลลูกค้า เรารู้จักลูกค้าแล้ว เราเอามาสร้างความฉลาดจนสามารถคาดเดาพฤติกรรมของลูกค้าได้และนำมาต่อยอดธุรกิจ”

โตไม่ต่ำกว่า 30%

อย่างไรก็ตามบริษัทมองการเติบโตในปีนี้ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งในไตรมาส 3 และ4 คาดว่าจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการส่งมอบงานให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมากในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเชื่อว่าเทรนด์ของดิจิตอลยังเติบโตได้ดีในอีก 4-5 ปีข้างหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.45 ล้าน เพิ่มขึ้น 3.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 58.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 124.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.33 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่ม 32.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้บริษัทมีรายได้มาจากการให้บริการอยู่ที่ 68.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.40 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 19.98% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของรายได้ทั้งหมด และรายได้จากการให้ใช้ซอฟต์แวร์อยู่ที่ 53.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 49.91% คิดเป็นสัดส่วน 43% ของรายได้ทั้งหมด และส่วนที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ ประมาณ 2.14 ล้านบาท ในส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ มีมูลค่า 70 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 56% ในไตรมาส 2

ด้านผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือน ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.72 ล้านเพิ่มขึ้น 12.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 153.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 234.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่ม 60.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า