ทันหุ้น - สู้โควิด: LOXLEY ประเมินภาพรวมธุรกิจครึ่งหลังปี 2563โตเด่น งานโครงการมากกว่า 90% สามารถรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ ด้านธุรกิจ Food รับอานิสงส์รัฐปลดล็อกดาวน์ ส่วน Non-food ลูบปาก Work from home ทำความต้องการน้ำมันพืชพุ่ง พร้อมคงเป้ารายได้ปี 2563 เติบโตแตะ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ ของบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2563 เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 6เดือนแรกของปี 2563โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการที่ถูกเลื่อนกำหนดส่งมอบจากในช่วงครึ่งปีแรกมาเป็นครึ่งปีหลังแทน ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และ4/2563 มีทิศทางที่ดีกว่า

จ้องชิงงานใหม่

ทั้งนี้ บริษัทยังมีงานโครงการทั้งที่เป็นกลุ่มงาน High Potential และงาน Potential ที่อยู่ในมืออีกจำนวนมาก โดยคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ทั้งหมดภายในปี 2563 ประมาณ 90% ในส่วนอีก 10% คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีถัดไป เนื่องจากต้องยอมรับว่าจากการระบาดของไวรัสโควิด-19ในช่วงที่ผ่านมาก็มีผลกระทบต่องานในบางโครงการอยู่บ้าง ทำให้กำหนดการส่งมอบงานจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อนแต่ก็เป็นโครงการที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก จึงมองว่าอย่างไรปี 2563นี้ ผลการดำเนินงานก็ยังคงมีการเติบโตอยู่

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจในการเข้าร่วมประมูลงานทั้งในกลุ่มงาน High Potential ที่มีมาร์จิ้นสูง และงานโครงการ Potential อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมแล้วมีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นบริษัทคาดหวังจะได้รับงานกลุ่มดังกล่าวราว 4,000 - 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 30%ของมูลค่างานทั้งหมด เบื้องต้นบริษัทคาดหวังอัตรากำไรขั้นต้นต่องานที่เข้าประมูลไว้ที่ระดับ 10 - 12%จากงานโครงการขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนงานที่มีมูลค่าราวกว่า 500 - 600 ล้านบาท ที่เป็นงานขนาดกลางจะมีอัตรากำไรอยู่ที่ 15 - 20%

แม้ว่าอาจมีบางโครงการที่ถูกเลื่อนกำหนดออกไปแต่ก็เชื่อว่าช่วงระยะเวลาสั้นๆท่านั้น คาดว่าภายในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะทยอยเปิดประมูลได้ เนื่องจากงบประมาณลงทุนภาครัฐ ณ ปัจจุบันใกล้ชนรอบงบปี 2564 แล้ว ประกอบกับหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มเบาบางลงภาครัฐจะมีการขับเคลื่อนการลงทุนเพื่อให้เม็ดเงินกระจายเข้าสู่ระบบมากขึ้น เป็นการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

"ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 เรายังคงเป้าหมายเติบโตแตะ1.4-1.5 หมื่นล้านบาทเท่าเดิม แม้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบให้งานบางโครงการเลื่อนการส่งมอบ และการรับรู้รายได้ อย่างไรก็ตามงานในมือมากว่า 90% สามารถรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงตอนนี้อยู่ที่ความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ที่มีผลต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อาจหยุดชะงัก ซึ่งส่วนนี้คงต้องให้การจับตารอดูต่อไป"ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าว

รับอานิสงส์WFH

ขณะที่ธุรกิจบริการอาหารและการจำหน่าย (Trading) มองว่าตั้งแต่ที่ภาครัฐได้มีการประกาศปลดล็อกดาวน์ คำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนของอาหารมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะศูนย์การค้าและร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการ ขณะเดียวกันส่วนธุรกิจ Non-food โดยเฉพาะยอดขายของน้ำมันกุ๊ก ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี จากการ Work from home ในช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคหันมาทำกับข้าวทานเองมากขึ้น ทำให้น้ำมันพืชเป็นที่ต้องการ

จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาส่งผลให้ในตอนนี้บริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563ไว้เช่นเดิมที่ระดับ 14,000 - 15,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 7%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 14,569.13 ล้านบาท