ผลประกอบการ 1Q63 ชะลอตัวลง รายงานกำไรสุทธิ 1Q63 เท่ากับ 5.6 พันล้านบาท ลดลง 2.2%YoYจากรายได้ธุรกิจสะดวกซื้อที่โตน้อยกว่าที่คาดการณ์ โดย SSSG ลดลงเหลือ 4%จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน เท่ากับ 7.88 หมื่นบาท ยอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 70 บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 1,122 คน ลดลงจากการถูกรัฐบาลจำกัดการเดินทางและการขอความร่วมมือให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย ทั้งนี้มี GPM เท่ากับ 22.1% ลดลงจากปีก่อนที่ 22.3% ด้าน SG&A เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาและการบริหารจัดการร้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการขยายสาขาไปต่างประเทศทั้งในจีน และเมียนมา ของสยามแม็คโคร

แนวโน้ม 2Q63F ยังไม่สดใส โดยเฉพาะในเดือน เม.ย. ที่ SSSG มีโอกาสติดลบราว 3-5%จากการยกเลิกเทศกาลสงกรานต์และการประกาศเคอร์ฟิวช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 ขณะที่ด้านยอดขายออนไลน์เติบโตเป็นเท่าตัว แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบครั้งนี้ได้ นอกจากนี้จะใช้ Tesco ในการเติบโตระยะยาวจากการขยายสาขาไปต่างประเทศ ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ยังคงแผนเดิมที่เปิดสาขาเพิ่ม 700 สาขาต่อปี และยังคงเป้าหมาย 13,000 สาขาภายในปี 2564 ด้าน 2H63 เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการหลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงไปมากแล้ว รวมถึงช่วงเวลาเคอร์ฟิวที่ลดลง และปัจจุบัน CPALLทำสัญญาเปิดร้าสะดวกซื้อ 7-11 ในกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามองว่าคู่แข่งที่น้อยมาก ทำให้มีโอกาสในการเติบโตสูง

แนะนำ “เคาะ” ครับ แท่งเทียนสีขาวยาวปรับลงทดสอบSMA25วัน 69.00 กลับตัวขึ้นและปิดจุดสูงเป็นสัญญาณบวกแท่งเทียนสอดคล้องกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ระหว่างวันแนวต้านจุดสูงแท่งเทียนคู่ 70.75-71 ผ่านยืนมั่นคงเป็นสัญญาณซื้อรูปแบบแท่งเทียนEngulfing และมีโอกาสเกิดรูปแบบแอ่งกระทะ แนวต้านต่อไป 72.50 /73.75

คำแนะนำของ ASL กรณี “มีหุ้น” ถือ หรือซื้อเพิ่มเมื่อผ่านยืน 71.00 ได้มั่นคงเป็นBuy  กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 70/69 ไม่ควรต่ำกว่า