> SET > PTT

29 พฤษภาคม 2020 เวลา 07:30 น.

PTTสิ้นยุคเสวยสุขก๊าซ ต้องลดราคาสู้เปิดเสรี

ทันหุ้น-สู้โควิด-เจาะอนาคต PTT โอกาสเป็นเสือนอนกินก๊าซลดลง หลังลูกค้าแห่รับใบอนุญาตนำเข้า LPG คาดต้องลดราคาสู้ วงการหวั่นถึงขั้นต้องคำนวณสูตรราคาก๊าซใหม่ เลิกอิงน้ำมันเตา ชี้ช่วงสั้นกระทบไม่มาก เหตุลูกค้ายังมีสัญญาอยู่ แต่ธุรกิจก๊าซไม่เลิศหรูเหมือนอดีต หันอิงค่าท่อก๊าซช่วยชดเชย


สัญญาณเตือนภัยธุรกิจการขาย “ก๊าซธรรมชาติ” ให้กับ “โรงไฟฟ้า” ที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTTเคยเป็นเสือนอนกินด้วยการผูกขาดขายก๊าซ กำลังคุกคามขึ้นจากคู่แข่งซึ่งเป็นลูกค้ามากขึ้นจากการเปิดเสรี และเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงนี้  เพียงแค่สัปดาห์ทีผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ให้ใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG) กับเอกชนรายอื่นรวม 2.35 ล้านตันต่อปี


ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในปริมาณ 3 แสนตันต่อปี , บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (HKH) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GULF ที่ถือหุ้น 49% และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ RATCH ถือหุ้น 51%ซึ่งได้รับอนุมัติประมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี และล่าสุด บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BGRIMได้รับอนุญาตปริมาณ 6.5 แสนตันต่อปี


ขณะที่ก่อนหน้านี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้รับใบอนุญาตจัดหา LNG ไปแล้ว โดยมีแผนนำเข้า LNG 3 ปี (63-65) ปริมาณไม่เกิน 0.6 ล้านตัน , 1.9 ล้านตัน และ 1.5 ล้านตัน ตามลำดับ


การเปิดเสรี LNG มีโอกาสทำให้ ราคาขายก๊าซ LNG ของ PTT ลดลง โดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวยอมรับว่า ปตท.กำลังเจรจากับคู่ค้าว่าจะปรับสัญญาอย่างไรเพื่อให้แข่งขันได้และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ในขณะนี้


@ จับตาแก้สูตรคำนวณ


แหล่งข่าวในวงการตลาดทุน ประเมินว่า ด้วยราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติ LNG ที่ถูกกว่าราคาขายของ ปตท. ในประเทศ แม้ว่าจะยังจำกัดนำเข้าปริมาณไม่มาก แต่ในระยะยาว ปตท. ต้องปรับตัวในการแข่งขัน โดยเฉพาะต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากอ่าวไทย ของ PTTEP อาจจะได้รับผลกระทบ และต้องจับตาไปถึงว่า ในอนาคตจะมีการปรับสูตรคำนวณราคาก๊าซใหม่หรือไม่เนื่องจากปัจจุบันราคาก๊าซที่คำนวณอิงกับราคาน้ำมันเตาที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาก๊าซนอกตลาดได้ลดลงมามากเพราะซัพพลายเยอะ ซึ่งเมื่อกระทบกับ PTTEP ก็จะโดน PTT อยู่ดี


อย่างไรก็ดีเชื่อว่า บรรดาโรงไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตนำเข้า LNG จะยังไม่สามารถนำก๊าซมาทดแทน การผลิตไฟฟ้าปัจจุบันได้ เพราะมีสัญญาอยู่ ดังนั้นจะเป็นเฉพะโรงไฟฟ้าใหม่เท่านั้น แต่ ปตท. ก็จะอดกินส่วนแบ่งนี้


@ธุรกิจก๊าซไม่เด่น


นายศรชัย พิทยาพฤกษ์ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน)ประเมินว่า ผลกระทบของ PTT ยังจำกัด เนื่องจากโรงไฟฟ้าหินกอง และ โรงไฟฟ้า SPP replacementของ BGRIMยังไม่ได้มีการลงนามซื้อก๊าซกับปตท. จึงมีเพียง GULF ที่มีการซื้อก๊าซจาก PTT เพื่อนำไปใช้โรงไฟฟ้าอุตสาหกรรม ดังนั้นการที่ GULF ได้โควต้าจำนวน 300,000 ตันต่อปี คาดว่าจะส่งผลกระทบประมาณ 0.9% ของรายได้จากธุรกิจก๊าซของ PTT ซึ่งโครงสร้างรายได้ของ PTT นั้นสัดส่วนจากธุรกิจก๊าซจะอยู่ที่ประมาณ 25% ของรายได้รวม ที่เหลือจะมาจากธุรกิจปั๊มน้ำมัน โรงกลั่น และเทรดดิ้ง


ส่วนในระยะยาว ที่กกพ.สนับสนุนให้มีการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาตินั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อจำกัดเช่นกัน เพราะแม้จะมีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้าของปตท.จะมีการลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซในระยะยาว ขณะที่ความต้องการก๊าซในอนาคตจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากโรงไฟฟ้า SPP ที่เกิดใหม่ในไทยมีจำกัด  แต่ยอมรับว่าธุรกิจก๊าซไม่เด่นนัก เพราะมีคู่แข่งทางการค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประมาณการและราคาเป้าหมายของ PTT แต่อย่างใด ยังแนะนำซื้อเป้าหมายที่ 41.50 บาทต่อหุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด มองว่า การมีผู้ประกอบการนำเข้า LNG เข้ามา จะทำให้ PTT มีรายได้จากธุรกิจท่อก๊าซเพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยผลกระทบจากธุรกิจจัดหา และจำหน่ายก๊าซได้ เชื่อว่าปริมาณนำเข้าก๊าซจาก GULF และ BGRIM ในช่วงแรกจะไม่สูงมาก นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีสัญญาซื้อขายก๊าซขั้นต่ำกับ PTT รวมทั้งการนำเข้า LNG เข้ามาในท่อก๊าซของ PTT ยังต้องมีการเจรจารายละเอียดด้านเทคนิคเกี่ยวกับค่าความร้อนภายในท่อ ประเมินผลกระทบระยะสั้นจากการที่ GULF และ BGRIMได้ใบอนุญาตจัดหา และค้าส่ง LNG จะกระทบต่อ PTT ไม่มากนัก แต่ข่าวดังกล่าวจะเป็น Sentiment ลบต่อการลงทุน รวมทั้งสะท้อนถึงความเสี่ยงระยะยาวจากการเข้ามาแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจจัดหา และจำหน่ายก๊าซที่ PTT เป็นผู้ครองตลาดมายาวนาน


แนะนำเก็งกำไรหุ้น PTTในประเด็นการนำบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ ORเข้ามาจดทะเบียน โดยราคาปัจจุบันเต็มมูลค่าพื้นฐานที่ 33 บาทต่อหุ้น รวมทั้งมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เปราะบาง

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X