ทันหุ้น –สู้โควิด – LOXLEY ลั่นผลงานไตรมาส 1/2563 ฉลุย ยันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่กระทบ พร้อมใส่เกียร์ประมูลงาน High Potential มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทตามแผน ด้านหวยออนไลน์ยังไม่มีข้อสรุป มองราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มจากสถานการณ์ในประเทศคลี่คลายลง

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เปิดเผยว่า ประเด็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมองว่าน่าจะมาจากความกังวลต่อสถานการณ์ในปัจจุบันผ่อนคลายลงหลังจากที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยลดลง ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดทุนไทยมีการปรับตัวลงไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจในการลงทุนใหม่อีกครั้ง ตลอดจนราคาหุ้นในปัจจุบันปรับตัวลดลงต่ำกว่าพื้นฐานทำให้เป็นที่น่าสนใจ

*โค้ง1/63ฉลุย

ทั้งนี้ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นนั้น มองว่าไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2563 โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 อีกทั้งยังมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากธุรกิจบริการอาหารและการจำหน่าย (Tranding) โดยเฉพาะสินค้าบริโภค ซึ่งจากการกักตัวภายในที่พักอาศัย ทำให้ผู้บริโภคยังมีความต้องการใช้ในการดำรงชีวิจประจำวัน

นอกจากนี้ จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายยังช่วยให้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี โดยธุรกิจเทรนดิ้ง (Non-Food) ที่ดำเนินธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม ยังมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องจากความต้องการแอลกอฮอลและเจลล้างมือที่เพิ่มสูง รวมถึงธุรกิจบริการด้านระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งเข้ามาช่วยต่อผลการดำเนินงานของบริษัทแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตเช่นนี้

ส่วนความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมพิจารณาเปลี่ยนมาใช้ระบบออนไลน์ในการจำหน่ายสลาก หากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อนานเกิน 2 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงของผู้ค้าสลากฯ แบบใบกับผู้ซื้อสลากฯนั้น ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใดใดแต่หากมีการเปลี่ยนมาใช้ระบบออนไลน์จริงทางบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด หรือ LGT ในฐานะคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯ ยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อโครงการจำหน่ายสลากออนไลน์ได้ทันที และยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานสลากฯ อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะยังมีคดีความฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุดก็ตาม

*ชิงงานมาร์จิ้นสูง

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจในการเข้าร่วมประมูลงานทั้งในกลุ่มงาน High Potential ที่มีมาร์จิ้นสูง และงานโครงการ Potential อย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท คาดจะได้รับงานประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท หรือไม่น้อยกว่า 30% ของมูลค่างานทั้งหมด ส่วนเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นต่องานที่จะเข้าประมูลนั้นบริษัทคาดหวังไว้ที่ระดับ 10-12% จากงานโครงการขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนงานที่มากกว่า 500-600 ล้านบาท ที่เป็นงานขนาดกลางจะมีอัตรากำไรอยู่ที่ 15-20%

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563 ไว้เช่นเดิมที่ระดับ 14,000-15,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หลักๆเนื่องมาจากบริษัทยังมีงานในโครงการทั้งที่เป็นกลุ่มงาน High Potential และงาน Potential ในมือที่รอการทยอยส่งมอบ (Backlog) อีกกว่า 8,000-9,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ Backlog เข้ามาเป็นรายได้เข้ามาในปี 2563 นี้เกือบทั้งหมด แต่หากสถานการณ์โรคระบาดยังยืดเยื้อต่อไปอาจมีการทบทวนเป้าหมายการดำเนินงานใหม่อีกครั้งในช่วงกลางปี 2563