ทันหุ้น-สู้โควิด-PTT เตรียมดัน OR เข้าตลาดหุ้น ยื่นไฟลิ่งแล้ว ขาย IPO ไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น กรีนชู 300 ล้านหุ้นช่วยสร้างเสถียรภาพราคา เตรียมนำเงินขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน, ร้านค้าปลีก และลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ นักวิเคราะห์มองเป็น upside ต่อราคาหุ้นแม่ ชี้จังหวะดีรับข่าวจีนซื้อน้ำมันเข้าคลัง ดันทั้งกลุ่มพุ่งแรงยกแผง

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT  แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ OR ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้นทั้งหมด ได้ยื่นคำขออนุญาตเพื่อเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งรวมไปถึงการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และพร้อมกันได้ยื่นคำขอให้รับเป็นหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์

โดยการเสนอขาย IPO ของ OR ในครั้งนี้จะเสนอขายเป็นจำนวนไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น ไม่รวมจำนวนหุ้นส่วนเกินสำหรับการให้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกิน โดย OR จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ PTT เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นใน PTT เพื่อรักษาสิทธิ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OR ในส่วนของ PTT  จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ OR โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้ว

**มีกรีนชูรองรับ 300 ล้านหุ้น

ORได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยระบุว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 23.1%ของหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้ว โดยจะจัดแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่จำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้นเพื่อเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ PTT ในส่วนที่สองจำนวนไม่เกิน 2,400 ล้านหุ้น และหุ้นที่เหลือในส่วนแรก จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจงหรือ Cornerstone Investors และส่วนที่สาม จำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้นเพื่อนำไปรองรับการใช้สิทธิจัดสรรหุ้นเกินกว่าจำนวนที่เสนอขาย(กรีนชู)

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่จำนวนประมาณ 137 แห่งต่อปี ในช่วงปี 2563-2567, ขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์โดยจะลงทุนสร้างศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto รวมถึงการลงทุนในถังก๊าซหุงต้ม การสร้างโรงซ่อมถังก๊าซหุงต้มแห่งใหม่และขยายกำลังการผลิต ลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจน้ำมัน , การขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก ในส่วนนี้มีแผนจะเปิดร้านคาเฟ่อเมซอนจำนวนประมาณ 437 แห่งต่อปี และมีแผนจะเปิดร้านอาหารเท็กซัส ชิคเก้นจำนวนประมาณ 40 แห่งต่อปี และร้านอาหารฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ จำนวน 35 แห่งต่อปี

**เปิดปั๊มต่างประเทศ

ส่วนการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ ในช่วงปี 2563-2567 มีแผนจะเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่ในต่างประเทศประมาณ 71 แห่งต่อปี มูลค่าลงทุน 530 ล้านบาทต่อปี  บริษัทฯ ยังมีการวางแผนลงทุนขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกในต่างประเทศ 670 ล้านบาทต่อปี  และมีแผนลงทุนใหม่ในประเทศเมียนมาและเวียดนาม

**UPSIDE ต่อ PTT

นายบุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองว่า การที่ ORเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็น upside ต่อหุ้น PTT ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้น PTT เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจของ OR มีความน่าสนใจ เพราะธุรกิจสถานีน้ำมันได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่มากนัก ซึ่งรายได้หลักของ OR ยังมาจากธุรกิจน้ำมัน ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกจะมีสัดส่วนรายได้น้อยกว่า แต่มีมาร์จิ้นที่ดีกว่า ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน

ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า PTT จะได้รับผลบวกจากการที่ปลดล็อคมูลค่าของOR ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นซึ่งต้องติดตามว่าจะเคาะราคา IPO ที่เท่าไหร่ ซึ่งปีที่ผ่านมา OR มีกำไรต่อหุ้นราว0.8 บาท อย่างไรก็ดีการประกาศเข้าตลาดของ PTTOR ตรงกับจังหวะที่ราคาน้ำมันรีบาวน์แรงพอดีจากข่าว จีนกำลังดำเนินการตามแผนในการซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองฉุกเฉิน ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มปตท. ทั้งกลุ่มปรับตัวแรง

โดยมองว่าราคาหุ้นกลุ่มปตท.ยังไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับราคาที่ลงมาแรง ทำให้มีแรงซื้อกลับมาเยอะ แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่า PTT และ PTTGC สามารถซื้อได้ แต่ยังต้องระวัง PTTEP ที่ได้รับแรงกดดันราคาน้ำมันโดยตรง

สำหรับราคาหุ้นกลุ่มปตท. ปิดวานนี้(2 เม.ย.) ปรับตัวขึ้นมาแรง PTT ปิดที่ 33.75 บาท บวก 11.57%, PTTEP อยู่ที่ 75.25 บาท บวก 12.31%, PTTGC อยู่ที่ 34.75 บาท บวก 11.20% และ TOP อยู่ที่ 33.50 บาท บวก 14.52%