> Trendtalk > OSP

02 เมษายน 2024 เวลา 06:20 น.

เจาะ OSP

#ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1390 หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคลงไปทดสอบแนวรับที่ 1370 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้แนวโน้หลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1350-1355


หรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ OSP หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจหลักประกอบด้วย (1) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม (2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และ (3) กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอม ส่วนธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักประกอบด้วย ธุรกิจการให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์ (OEM) และธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีการตลาด


ผลประกอบการปี 66 มีกำไรสุทธิ 2,402 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.80 บาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 65 มีกำไรสุทธิ 1,933 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.64 บาท


OSP รายงานผลการดำเนินงานปี 2566 ทำรายได้จากการขาย 26,062 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,402 ล้านบาท เติบโตกว่า 24% จากปีก่อน ด้วยกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ประกอบกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาด โดยแบรนด์ 'เอ็ม-150' ครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 และยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส ส่วนแบรนด์ 'ซี-วิท' ยึดครองเบอร์ 1 เหนียวแน่นทั้งในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนัลดริงก์และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี โอสถสภาเดินหน้าปรับโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจและรองรับการเติบโตระยะยาวในทุกด้าน เตรียมจ่ายเงินปันผลทั้งปี 1.65 บาทต่อหุ้น คงเหลือจ่ายปันผลจากการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลัง 0.45 บาทต่อหุ้น พร้อมวางเป้าผลักดันรายได้และอัตรากำไรเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ และเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน


นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 26,062 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส จากการดำเนินกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ควบคู่การสื่อสารการตลาดที่สร้างความแตกต่างผ่านโครงการเอ็ม-150 ซุปเปอร์สตาร์ ทำให้แบรนด์ 'เอ็ม-150' เป็นผู้นำตลาดที่ครองใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมแรงสนับสนุนจากแบรนด์ ลิโพที่เติบโตโดดเด่นในปีนี้


ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนัลดริงก์ ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมนำเสนอคุณประโยชน์ใหม่ๆ รวมถึงการใช้ช่องทางการสื่อสารที่สอดรับกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ผลักดันให้แบรนด์ 'เปปทีน' และ 'คาลพิส แลคโตะ' เติบโตทั้งส่วนแบ่งการตลาดและรายได้ที่ขยายตัวโดดเด่นเป็นตัวเลขสองหลัก ส่วนแบรนด์ 'ซี-วิท' ครองตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในต่างประเทศมีรายได้เติบโตแข็งแกร่งเป็นตัวเลขสองหลักจากเมียนมาร์และลาว ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลมีอัตราเติบโตได้ดีจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทั้งแบรนด์ 'ทเวลฟ์ พลัส' และแบรนด์ 'เอ็กซิท' ซึ่งแบรนด์ ทเวลฟ์ พลัส ก้าวเป็นผู้นำอันดับ 2 ของตลาด ขณะที่แบรนด์ 'เบบี้มายด์' ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สบู่อาบน้ำและแป้งเด็ก ชูแคมเปญการตลาด "The Power of Gentle Touch พลังสัมผัสอันอ่อนโยน สานสัมพันธ์ให้แข็งแรง" ปรับสูตรใหม่ออร์แกนิก 100% และเปลี่ยนใช้บรรจุภัณฑ์ปลอดภัยและดีต่อสิ่งแวดล้อม


สำหรับกำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 2,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน และกำไรจากการดำเนินงานปกติ หากไม่นับรวมรายการพิเศษจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและปันผลจากเงินลงทุนอยู่ที่ 2,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน สะท้อนความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 34.5% ขยายตัว 3.9% จากปีก่อน และแตะระดับสูงสุดในไตรมาส 4 ที่ 35.5% โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส

โอสถสภาเร่งเครื่องเดินหน้าสร้างการเติบโตของธุรกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาว ดังนี้


สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก (Grow the core) รักษาความเป็นผู้นำด้วยกลยุทธ์แบรนด์พอร์ตโฟลิโอ เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ บูรณาการแผนการขายและการกระจายสินค้าให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย


สร้างการเติบโตธุรกิจในอนาคต (Seed the future) ด้วยการผลักดันแบรนด์ที่มีศักยภาพ คิดค้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม


ขยายการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ (Expand Internationally) สร้างการเติบโตในภูมิภาค ตลอดจนพิจารณาโอกาสการเติบโตอย่างรอบคอบ


เร่งการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Inorganic Growth) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผลักดันสู่เป้าหมายการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน


ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้าใกล้แนวรับของกรอบแนวโน้มระยะยาว ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 22.00 และ 22.80 แต่ถ้าปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 20.00 จะมีแนวรับถัดไปที่ 17.00



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X