> SET > NEX

20 มีนาคม 2024 เวลา 12:41 น.

NEXยอดขายรถไฟฟ้าพุ่ง ดีมานด์หนุน-รุกต่างแดน

#NEX #ทันหุ้น – NEX ตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 ทั้งรถบัส (E-BUS) รถบรรทุก (E-TRUCK) รวม 5,556 คัน ตลาดเติบโตก้าวกระโดด มองความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ยังมีมากทั้งกลุ่มภาครัฐ และเอกชน ลุยขยายการส่งออกไปยังเวียดนาม มาเลเซีย เตรียมเซ็นสัญญาตั้งตัวแทนจำหน่าย ในประเทศลาว


นายยุทธพงษ์  อาจหาญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายบัญชีการเงิน บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่าปี 2567 บริษัทจะสามารถทำยอดขายทั้งรถบัสไฟฟ้า(E-BUS) จำนวน 1,156 คัน และรถบรรทุกไฟฟ้า(E-TRUCK ) จำนวน 4,000 คัน รวม 5,556 คัน


ทั้งนี้ทิศทางในปี 2567 ตลาดรถบัส (E-BUS) โดยมองว่าความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ยังมีมาก ส่วนใหญ่จะมาจากความต้องการมาจากกลุ่มภาครัฐ ล่าสุดทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงทพ หรือขสมก. รวมถึงทางคณะรัฐมนตรีและกระทรวงอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ ได้มีการประกาศออกมาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการใช้ยานยนต์มาเป็น EV ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันอุดมศึกษาราว 157 แห่ง ซึ่งหากมีการปรับใช้ยานยนต์ EV ทั้งหมดจะอยู่ที่ราว 2-3 พันคัน


สำหรับรถบรรทุก (E-TRUCK ) ปัจจุบันมีออเดอร์เข้ามาเร็วๆ 1,100 คัน โดยบริษัทมีทั้งกลุ่มลูกค้ารัฐบาลและลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก ที่มีความสนใจรถบรรทุกไฟฟ้า


เครื่องยนต์หลักของตลาดรถบัสและรถบรรทุกในประเทศไทยยังคงเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) โดยเฉพาะดีเซล แต่จากการสำรวจการเติบโตนับตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมาของ E-bus และ E-truck นับตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ว่ามีการผลักดันการรับรู้ของตลาดและแนวโน้มที่จะนำไปใช้ในอนาคต โดยปี 2567 ก็คาดว่าจะเติบโตอีกเท่าตัว


นอกจากนี้บริษัทมีความหลากหลายในตัวสินค้าปัจจุบันมีกว่า 31 โมเดล และบริการซึ่งครอบคลุมการใช้งานของลูกค้าในหลากหลายกลุ่มเป้าหมายและหลากหลายความต้องการ มีศูนย์บริการหลังการขายทั้งด้านงานซ่อมบำรุงและจำหน่ายอะไหล่ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค ได้รับการสนับสนุนจากตัวแทนจำหน่ายต่างๆ บริษัทยังได้สร้างตลาดรถมือสองเพื่อประกันราคาและมูลค่าของยานยนต์ไฟฟ้า รองรับตลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


*ขยายส่งออก


นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ สำหรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การจัดหาสถานีชาร์จ และแหล่งไฟฟ้าที่เหมาะสม และยังขยายพื้นที่จำหน่ายรวมถึงการจัดตั้งศูนย์บริการหลังการขายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ จากเดิมกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 15 แห่ง ทั่วประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายการส่งออกไปยัง เวียดนาม มาเลเซีย และจะมีการเซ็นสัญญาตั้งตัวแทนจำหน่าย ในประเทศลาว อีกด้วย


อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ EV เติบโตสูงในปัจจุบันเนื่องมาจาก สถานการณ์ความวิตกกังวลด้านสิ่งแวดล้อมมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นPM 2.5 และความไม่แน่นอนของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานฟอสซิลผันแปรตามตลาดโลกซึ่งไม่สามารถควบคุมได้อีกทั้งยังมีราคาสูงกว่าพลังงานพลังงานไฟฟ้ากว่า 60%


และปัจจัยบวกจากที่นโยบายภาครัฐที่เป็นแรงผลักดันโดยตรงที่ได้ออกมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ EV เช่น ค่าไฟฟ้าในอัตราพิเศษ และโครงการหักค่าใช้จ่าย 2 เท่าสำหรับนำไปภาษีเงินได้


นอกจากนี้สถานการณ์ในเรื่องการแข่งขันด้านการตลาดของค่านิยมความอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดเป็นแรงผลักดันให้เกิดความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยน และช่วยเสริมภาพลักษณ์องค์กร เป็นต้น


สำหรับปี 2566 บริษัทมีรายได้ 9,299.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 725.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 248% โดยมีรายได้ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ 8,682.08 ล้านบาท มาจากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ จำนวนรวมทั้งหมด 1,688 คัน  โดยสามารถจำหน่ายรถอีวีได้เพิ่มจากปีก่อน 604 คัน ธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และระบบซอฟต์แวร์รายได้ 598.93 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการขนส่ง 18.34 ล้านบาท


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X