> SET > TPIPL

18 มีนาคม 2024 เวลา 11:16 น.

TPIPPไฟฟ้าโซลาร์ดันพอร์ต อัดงบ1.5หมื่นล.ขยายลงทุน

#TPIPP #ทันหุ้น - TPIPP ตั้งเป้าปี 2567 รายได้โต 8% รับยอดขายไฟเพิ่มเป็นจำนวน 2,200 ล้านหน่วย-กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าโซลาร์อีกไม่ต่ำกว่า 22 ล้านหน่วย ทั้งยังแย้มอยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่อีก 2 โครงการ คาดเริ่ม COD ปี 2568 พร้อมทุ่มงบ 1.5 หมื่นล้านบาท ใช้ปรับปรุงโรงไฟฟ้าเดิมและขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ ด้านโบรกชี้หุ้นปันผลสูง แนะ “ซื้อ” เป้า 4 บาท


นายภัคพล  เลี่ยวไพรัตน์   รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปี 2567 ที่ราว 12,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 8% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ทำได้ 11,331 ล้านบาท (YoY) หนุนจากปริมาณการขายไฟ้ฟ้าเพิ่มเติมให้กับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังทยอยเปลี่ยนรถยนต์ทุกประเภทที่ใช้ในโรงงาน และสำนักงานเป็นรถไฟฟ้า (EV Car) ทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่าปริมาณการขายไฟฟ้ารวมทั้งปี 2567 จะอยู่ที่ราว 2.2 พันล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ขายได้ราว 2 พันล้านหน่วย


ลุยปรับลดต้นทุน


ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงลงทุนเพื่อประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าลงอย่างต่อเนื่องทั้งการเปลี่ยนบอยเลอร์โรงไฟฟ้า TG8เพื่อให้สามารถใช้เชื้อเพลิง RDF ได้ทั้ง 100% ควบคู่กับการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาควบคุมการทำงานของบอยเลอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดต้นทุนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ


ในส่วนของโรงงานผลิตเชื้อเพลิง RDF บริษัทเตรียมลงทุนติดตั้งเครื่องคัดแยกขยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิง RDF และจะสามารถลดต้นทุนการผลิต RDF ลงได้อีกเฉลี่ยราว 10 – 20 บาทต่อตันต่อเนื่องจากปี 2566ที่ปรับลดลงมาได้แล้วกว่า 30%


“การดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทก็คาดว่าจะหนุนศักยภาพการทำกำไรของบริษัทให้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า แอดเดอร์ของบริษัทจะสิ้นสุดลง แต่บริษัทก็ยังสามารถขายไฟฟ้าได้ในราคาคาไฟฐาน เบื้องต้นบริษัทคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่เดือนละ 1พันล้านบาท แต่ศักยภาพการทำกำไรของบริษัทจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2567เป็นต้นไปจากโครงการประหยัดดังกล่าว”


จ่อ COD โซลาร์รูฟ


โดยในปี 2567บริษัทมีแผนที่จะจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้า (COD) โซลาร์รูฟ กำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายให้กับโรงงานกระเบื้องของ TPIPL ภายในช่วงไตรมาส 2/2567 ควบคู่กับการทยอย Code of Practice (CoP) หรือประมวลหลักการปฏิบัติ กำลังการผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ที่จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิตติดตั้งรวม 80 เมกะวัตต์ เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เช่นเดียวกัน เบื้องต้นคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) จาก 2 โครงการข้างต้นทั้งปี 2567 ได้ราว 22 ล้านหน่วย


ทั้งนี้บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 2โครงการ ได้แก่ 1.โรงไฟฟ้าขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในช่วงต้นปี 2568และ 2.โรงไฟฟ้าขยะของเทศบาลจังหวัดมุกดาหาร ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะก่อสร้างและแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2568


งบลงทุน1.5 หมื่นล.


สำหรับงบประมาณการลงทุนบริษัทตั้งงบประมาณระยะ 4 ปี ระหว่าง 2565 – 2568 ไว้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงานประกอบด้วย 1.โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์รูฟ และโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 80 เมกะวัตต์, 2.การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 2 โครงการ, 3.การปรับปรุงบอยเลอร์โรงไฟฟฟ้า TG8 ให้สามารถใช้เชื้อเพลิง RDF แทนถ่านหินได้ทั้ง 100%


4.การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มกำลังการผลิตเชื้อเพลิง RDF รองรับความต้องการใช้งานของโรงไฟฟ้า TG8 และ 5.การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาควบคุมประสิทธิภาพการทำงานของบอยเลอร์ทุกตัวเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไอน้ำ และลดต้นทุนโดยรวมลงอย่างมีนัยสำคัญ


“การลงทุนดังกล่าวเป็นการทยอยดำเนินงานต่อเนื่อง ไม่ได้ใช้วงเงินจำนวนมากเพียงครั้งเดียว จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องและกระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ”


ตุนคาร์บอนเครดิต


นายภัคพล กล่าวว่า ณ ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณคาร์บอนเครดิตสะสมทั้งสิ้นราว 2 ล้านตัน ในตลาดต่างประเทศ ณ ปัจจุบันซื้อ - ขายที่ราคาประมาณ 7 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อตัน ในส่วนของประเทศไทยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของกฎหมาย – นโยบายภาครัฐบาลในการผลักดันบริษัทไทยขึ้นสู่ระดับสากล


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 ของ TPIPP  มีแนวโน้มฟื้นตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)โดยมีปัจจัยสนับสนุนได้แก่ 1.ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เร่งตัวขึ้นตามฤดูกาล 2.GPM เพิ่มขึ้นสอดคล้องอัตราเรียกเก็บค่าไฟงวดเดือนมกราคม–เมษายน 2567 อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เมื่อเทียบกับงวดเดือนกันยายน–ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย และ 3.ค่าใช้จ่ายการบริหารลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2567 ไว้ที่ 3.6 พันล้านบาท ทรงตัวYoY โดยยังคงต้องติดตามภาระต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 4 บาท โดยมีความน่าสนใจในฐานะหุ้นปันผลสูงราว 6.3%



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X