#SCC #ทันหุ้น – SCC มุ่งสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตยั่งยืนด้วยนวัตกรรมกรีน พร้อมสปินออฟบริษัทในเครือ แยกธุรกิจแต่ละกลุ่มออกชัดเจน มีอิสระในการตัดสินใจบริหาร และการเข้าถึงแหล่งทุน เผยแนวโน้มธุรกิจปี 2567 ดีขึ้นในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ส่วนอุตสาหกรรมเคมีคาดฟื้นตัวครึ่งปีหลัง ตั้งงบลงทุน 40,000 ล้านบาท เน้นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด และโครงการดิจิทัลเทคโนโลยี

นางสาวธิษณา วิศวเมธีกุล IR specialist  บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ระบุว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมาสถานการณ์การก่อสร้างในประเทศไทยยังคงทรงตัว แนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของลูกค้าในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ต่อเนื่องมาในไตรมาส 1 ปีนี้ ส่วนสถานการณ์ก่อสร้างในภูมิภาคเริ่มเห็นการฟื้นตัว ธุรกิจปูนซิเมนต์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างทำได้ดี จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ สำหรับอุตสาหกรรมเคมียังคงเป็นช่วงขาลงในครึ่งปีแรก 2567 และคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

สำหรับธุรกิจ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ในปี 2566 ยอดขาย Green Polymer 218,000 ตัน เพิ่มขึ้น 56% เทียบกับ 140,000 ตันในปี 2565 ตั้งเป้ายอดขาย 1 ล้านตันในปี 2573 เป็นผู้นำในอาเซียน โรงงานปิโตรเคมี LSP อยู่ในช่วงทดสอบ (test run) ปลายปีที่ผ่านมา จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปีนี้ ราคาแนฟทาที่อ่อนตัวลงจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ

ธุรกิจซีเมนต์ปรับตัวดีขึ้นจากราคาซิเมนต์ที่เพิ่มขึ้นและการลดค่าใช้จ่าย มีการเพิ่มสัดส่วนของ Low Carbon Cement หรือปูนซิเมนต์คาร์บอนต่ำขึ้นมาเป็น 81% และมีการรับรู้ด้อยค่าเงินลงทุนโรงงานปูนซิเมนต์ในเมียนมาร์ 1,636 ล้านบาทในไตรมาส 4/66  ธุรกิจด้านอื่นยังคงมีพัฒนาการต่อเนื่อง ทั้ง บริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด หรือ SCG Cleanergy และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)  หรือ SCGP

*วางงบลงทุน 4หมื่นล.

บริษัทตั้งงบลงทุนปี 2567 ไว้ที่ 40,000 ล้านบาท เน้นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด และโครงการดิจิทัลเทคโนโลยี มุ่งมั่นสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัว และเติบโตอย่างยั่งยืน

SCGC พลาสติกชีวภาพมุ่งเน้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดใช้ทรัพยากร ออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการทำให้ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน

บริษัทมุ่งสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตยั่งยืนด้วยนวัตกรรมกรีน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มุ่งพัฒนาองค์กรสู่ Agile Organization ที่มีความคล่องตัวในหลายๆด้าน เช่น มีความคล่องตัวในการเติบโต มีการ Spin Off บริษัทในเครือ มีความคล่องตัวในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีความคล่องตัวในการบริหาร มีอิสระในการตัดสินใจมากขึ้น

บริษัทมุ่งขับเคลื่อนใน 4 ด้าน คือ 1.องค์กรคล่องตัว ยืดหยุ่น Agile Organization 2. นวัตกรรมกรีน Green Innovations 3. องค์กรแห่งโอกาส สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ Organization of Possibilities และ 4. ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง Inclusive Society

สำหรับปี 2567 บริษัท ตั้งเป้ารายได้จากการขายรวมเติบโตราว 20% จากปีก่อนทำได้ 499,646 ล้านบาท เนื่องจากโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long son Petrochemicals) ประเทศเวียดนาม จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 1/67 จากปัจจุบันอยู่ระหว่างเดินเครื่องจักรและทดสอบประสิทธิภาพการเดินโรงงานทั้งระบบไปแล้ว 95% ซึ่งโครงการดังกล่าวมีคำสั่งซื้อเข้ามาเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนใหญ่จะรองรับในประเทศเวียดนาม

*ธุรกิจปิโตฟื้นครึ่งปีหลัง

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ดาดแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นเร็วสุดคือ 2H67 ด้วย Addition Capacity ในปี2567 สำหรับ PE นั้นปรับลดลงเหลือเพียง 2-3% จากปี 2566 ที่ สูงถึง 5% ในขณะที่ PP นั้นยังอยู่สูงที่ 4-5% ดังนั้นจะเห็นการฟื้นตัวของ PE ก่อน PP ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท -20YoY ด้วยมุมมองเชิงระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี

ปรับราคาเป้าหมายของ SCC ปี 2567ลงมาเป็น 312 บาท อิง PBV ที เท่า แต่คงคำแนะนำ Trading Buy โดยเป็นผลจาก book value ของบริษัทปรับลดลง เนื่องด้วยตั้งรายการหนี้สินในการซื้อหุ้นของบริษัท Fajar และไปลดส่วนของ book value ของบริษัทลง ใน 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงไปกว่า -10% ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่ยังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการอาจจะยังไม่ฟื้นตัวแต่ ราคาหุ้นปัจจุบัน Downside ค่อนข้างที่จะจํากัด PBV ปัจจุบันต่ำเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ Subprime Crisis ในปี 2551 ที่ PBV ของ SCC อยู่ต่ำเพียง 0.70 เท่า