#SNC #ทันหุ้น – SNC เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าไตรมาสที่ 2/2566 คาด COD ภายในไตรมาสที่ 1/2568 ด้านตลาดเครื่องปรับอากาศปีนี้ทรงตัว กดดันผลงานลดลง 30%เล็งขยายฐานตลาดทั้งในและต่างประเทศดันออเดอร์ใหม่

นายสมชาย  งามกิจเจริญลาภ  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทประเมินว่าตลาดเครื่องปรับอากาศมีแนวโน้มจะทรงตัวต่อเนื่องไปอีกราว 1 ปี โดยในช่วงไตรมาสที่ 1/2566 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นในกลุ่ม AUTO ราว 50 ล้านบาท จากคำสั่งซื้องานรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น เป็นผลให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท

ขณะที่เเนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 หากเทียบกับไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะยังชะลอตัว เนื่องจาก คาดว่ายอดขายปี 2566 จะชะลอตัวลงราว 30% แต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็ยังมีออเดอร์ใหม่ๆ เเละพยายามขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันก็ยังมีการอยู่ระหว่างเจรจาเพิ่มเติมโดยในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเจรจาหลายราย

ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการกำจัดขยะมูลฝอยกับเทศบาลนครยะลา ขนาด 3 เมกะวัตต์ สามารถกำจัดขยะได้ประมาณ 200 ตันต่อวัน โดยมีสัญญาระยะเวลา 20 ปี ปัจจุบันบริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับทางรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยเเล้วปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการสั่งซื้อเครื่องจักร และเตรียมการก่อสร้างคาดว่าจะใช้ระยะเวลาตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 ถึงไตรมาส 3/2567 หรือประมาณ 16-18 เดือน และภายในไตรมาสที่ 4/2567 จะสามารถทดลองได้ และเริ่มจําหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาสที่ 1/2568

ขณะที่โครงการ SNC Green Industry Park ขนาด 1,104 ไร่ จังหวัดชลบุรี ในช่วงไตรมาสที่ 1/2566 บริษัทเจรจาซื้อขายที่ดิน โดยคาดจะเเล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 นี้ หลังจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเตรียมปรับที่ดินเเละเดินหน้าทำการตลาดกับพันธมิตรเเละคู่ค้าต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปโรดโชว์ในประเทศจีน คาดว่าในช่วงปี 2567-2568 จะเริ่มทำการขอประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เเละการปรับพื้นที่เริ่มทำการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการและเริ่มสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2569

สำหรับโครงการผลิตรถไฟฟ้า BEV by Mercury Transform ซึ่งผลิตร่วมกับพันธมิตรในประเทศจีน โดยจะนำมาผลิตในประเทศไทย โดยบริษัทจะนำสินค้ามาทำตลาดในประเทศไทย เเละอาเซียน โดยตั้งเป้ายอดขายเบื้องต้นในตลาดส่งออกราว 3,000 คัน คาดเริ่มดำเนินงานได้ในต้นปี 2567