#TIGER #ทันหุ้น – TIGER โชว์งบหรู กำไรไตรมาส 1/2566 ทะยาน 100.91% มั่นใจไตรมาส 2/2566 โตต่อ หลังตุนแบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 1.6 พันล้านบาท เล็งจรดปากกาเซ็นงานใหม่พันล้านบาท ส่งสัญญาณธุรกิจรับเหมาฟื้น ปักหมุดรายได้ทะลุ พันล้านบาท

นายจตุรงค์  ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.74 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 1.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.38 บาท หรือคิดเป็นการเติบโต 100.91% โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เริ่มดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทประมูลงานก่อสร้างได้มากขึ้น ขณะที่รายได้ไตรมาส 1/2566 บริษัททำได้ 171.74 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 138.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.28 ล้านบาท หรือเติบโต 24.03%

** แบ็กล็อกแน่น

สำหรับไตรมาส 1/2566บริษัทมีโครงการในมือที่กำลังก่อสร้างและรับรู้รายได้สูงถึง 11 โครงการ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียง 7 โครงการ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท มีอัตรากาไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมากจากเดิมที่ 11.16% ลดลงเหลือ 9.76%เนื่องจากผลกระทบจากงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำที่รับมาในช่วงโควิด ซึ่งตลาดรับเหมามีการแข่งขันที่รุนแรงประกอบกับการขึ้นราคาของวัสดุก่อสร้างมีผลให้กำไรขั้นต้น อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าในปัจจุบันบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว

ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/2566 บริษัทยังมีงานรอส่งมอบ (Backlog) อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างติดตามงานใหม่อีก 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานสาธารณูปโภค หรือระบบน้ำจากหน่วยงานราชการ คาดจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ ด้าน Backlog ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน คาดจะทยอยรับรู้ในปีนี้ราว 60% สำหรับสัดส่วนรายได้ มาจากงานราชการหรือภาครัฐ 90% ส่วนที่เหลือเป็นงานภาคเอกชน 10%

** วางกลยุทธ์โต

สำหรับกลยุทธ์ที่ผ่านมา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแข่งขันสูง ทำให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น) หดตัว อีกทั้งภาพโดยรวมของมาร์จิ้นได้ปรับตัวลดลงตามการแข่งขัน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทพยายามรักษาอัตรากำไรให้อยู่ที่ระดับ 10% ซึ่งเป็นระดับที่บริษัททำได้ อีกทั้งบริษัทจะพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย หากทำได้ตามแผน จะทำให้บริษัทมีอัตรากำไรสูง โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านบาท

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปี 2565 ที่ผ่านมามีปัจจัยกดดัน 3 เรื่องได้แก่ เรื่องราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและแกว่งตัวอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง รวมถึงปัญหาด้านการเงินและกระแสเงินสดของเจ้าของโครงการภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้ที่บริษัทต้องปรับตัว และปรับกลยุทธ์โดยมุ่งงานราชการ เช่น งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ปัจจุบันยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่ภาพธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้คาดว่าธุรกิจจะค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวมากขึ้นเรื่อย พิจารณาจากจำนวนงานที่บริษัทร่วมประมูลและปริมาณงานในมือที่ค่อยๆ ทยอยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานภาคเอกชนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

นายจตุรงค์ กล่าวต่อว่า กระแสเงินสดของบริษัท ยังมีความแข็งแกร่ง โดยมีเงินเพียงพอรับงานใหม่ต่อเนื่อง อีกทั้งอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำ 0.3 เท่า ซึ่งแสดงถึงฐานทุนที่แข็งแกร่ง และเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=