> SET > ASK

20 เมษายน 2023 เวลา 09:23 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับ 1,570 จุด กลุ่มพลังงานคาดว่ายังถ่วงตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงต่อเนื่องอีก 2% จากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารและ Consumption Play คาดว่ายังช่วยประคองตลาดได้หลัง KTB TTB ประกาศกำไรดีกว่าคาดซึ่งคาดเป็น Sentiment บวกต่อธนาคารอื่นๆ ที่จะประกาศตามออกมา ภาพเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรปที่มีแนวโน้มชะลอ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะยืนระดับสูงใน 2H23 ยังจำกัดการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง 


อย่างไรก็ตามการเติบโตของเศรษฐกิจฝั่งเอเชียรวมถึงไทยที่ดูแข็งแกร่งกว่าคาดว่ายังเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ประกอบกับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นหากผลออกมาในเชิงบวกโดยมีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างมีเสถียรภาพได้จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดฯใน 2H23-2024 เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play และคาด Outperform Global Play ได้ต่อเนื่อง ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดกำไร 1Q23 ออกมาแข็งแกร่ง


กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนหุ้น Domestic และคาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือนเม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO


หุ้นเด่นวันนี้ : ASK

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก Consensus 41 บาท

• ตลาดคาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่งที่ราว 400 ลบ. ชะลอตัวเล็กน้อย q-q แต่ +14% y-y หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโต ส่วน NIM คาดชะลอเล็กน้อย q-q ด้าน NPL มีแนวโน้มขยับขึ้นแต่ใกล้ถึงจุดสูงสุด

• ตลาดคาดกำไรปี 2023 ราว 1.7 พันลบ. +14% y-y หนุนจากสินเชื่อที่คาดยังเติบโต Double Digit ขณะที่ Valuation ยังถูกโดยเทรด 2023PER เพียง 9 เท่าและคาด Dividend Yield ราว 5-6% ต่อปี

• แนวรับ 28.25//27 บาท แนวต้าน 30.25-31//32 บาท


**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลดลง ตลาดเข้าสู่โหมดการรอคอย Fed และรอดูงบฯ โดยตลาดหุ้นต่างประเทศ และตลาดหุ้นไทย อยู่ในช่วงของการรายงานผลประกอบการ ที่เราตามดู ยังไม่มีสัญญาณบวกของงบเหล่านั้น (ทั้งของไทยและสหรัฐฯ)


• ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed คาดว่าลดลงมาระดับหนึ่งแล้ว ตลาดคาดหวัง Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไป นักลงทุนรอดูการประชุม FOMC (3 พ.ค)


• การเมืองไทย ถ้ามีสัญญาณ Landslide เมื่อใด จะเป็นบวกตลาดหุ้น แต่หากไม่มี เรามองว่า Election Rally จะไม่ได้เกิดขึ้น


• STARK ผลพวงจากการเลื่อนการส่งงบ และเปลี่ยนบอร์ดแบบยกชุด จะกระทบมาถึงบรรดาเจ้าหนี้ (ธนาคาร) และผู้ถือหุ้นของ STARK  ที่เป็นบริษัทในตลาดกันแล้ว


• นอกจากการส่งงบแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการขึ้น “XD” ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นนั้น ๆ วันนี้หุ้นขึ้น “XD” ได้แก่ NER, AIT, JR, MAJOR, THANA


• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ และส่งออกญี่ปุ่น


Strategy

• ตลาดกลับมากังวลในเรื่องดอกเบี้ย Fed และงบการเงิน ของแต่ละตลาด ที่ยังไม่ได้สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน อาจทำให้ตลาดซึมไประยะหนึ่ง 

• กลยุทธ์ลงทุนในช่วงนี้ ตึงควรถนอมตัว คือเลือกขายหุ้นออกไปบ้าง หรือเลือกหุ้นที่มีความแข็งแรงในเชิงของงบการเงินที่ดีๆไว้ก่อน

• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำ YONG*, PSL, WHA  ออกจากพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย HANA(15%), BH(10%), GUNKUL(10%)


Strategy Stock Pick

BH: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 250.00 บาท) “รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติฟื้นต่อ, Flow หนุน”

•รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่องใน 1Q23E (ลุ้นงบดีโตทั้ง YoY, QoQ) ส่วน 2Q23E ต้นไตรมาสผู้ป่วย UAE อาจลดไปบางตามเทศกาลรอมฎอน หลังจากนั้นจะเร่งตัวขึ้น ประเมินรายได้ปี 2023 โต +6.4%YoY ที่ 2.19 หมื่น ลบ.

•Sentiment กลุ่มท่องเที่ยว + นโยบายรัฐหนุน โดยปี 2023 ไทยเพิ่มโควตานักท่องเที่ยวซาอุฯ เข้าไทยเป็น 1-1.5 แสนคน จากเดิม 3 หมื่นคนซึ่ง BH เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่คนกลุ่มนี้ให้ความนิยม

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 5.27 พัน ลบ. และ 5.73 พัน ลบ. +6.7%YoY และ +8.8%YoY ตามลำดับ


Technical : Q-CON, PJW


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,570 – 1,575 แนวต้าน 1,585 – 1,590 รอรายงานกำไรกลุ่มธนาคาร รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐ แนะนำซื้อเก็งกำไร KTB @FV 19.40 / TMB @ Consensus 1.57 จากรายงานกำไร Q1/66 ดีกว่าคาด  


SAPPE* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 61.75 บาท) บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 66 ที่ระดับ +25%YoY จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะมาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และต่างประเทศจากการขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึงยังคงแผนในการขยายกำลังผลิตขึ้นอีก +30% ในต้นปี ขณะที่ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยว ประกอบกับ Seasonal ที่เข้าสู่หน้าร้อน ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้นเป็นบวกต่อ GPM เบื้องต้นมองที่ระดับ 40% และมีโอกาสดีขึ้นจากแนวโน้มวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ด้าน Valuation ตลาดประเมินกำไรปี 66 ที่ราว 800 ล้านบาท +23%YoY


AP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.50 บาท) คาดกลุ่มอสังหาฯในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกจาก Demand ฝั่งชาวต่างชาติ รวมไปถึงม.ผ่อนคลายบางส่วนที่ต่อเนื่องจากปี65 ด้าน AP* เองสำหรับปี 66 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 58 โครงการ มูลค่าประมาณ 7.7หมื่นลบ.(บ้านเดี่ยว 22 โครงการ / ทาวน์โฮม 27 โครงการ / คอนโดฯ 4 โครงการ/ โครงการตจว. 5 โครงการ) ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาททั้งนี้ ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 ของ AP* จะอยู่ที่ระดับ 6,259 ลบ. (+6.5%YoY) และ 6,567 ลบ.(+5.0%YoY)  ตามลำดับ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X