#CRANE#ทันหุ้น - CRANE ผนึก "อู่กรุงเทพ" ขยายไลน์รับงานรื้อแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม ปูทางรับทรัพย์ก้อนโต พร้อมเดินหน้าสอยของใหม่ 400 ล้านบาท ปั๊ม Backlog เพิ่ม จากเดิมราว 300 ล้านบาท กินยาวสิ้น Q4/2565  ส่งซิกครึ่งหลังปี 2565 ฟอร์มแจ่ม อานิสงส์งานรอบุ๊กเพียบ

นายธงไชย แพรรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) หรือ CRANE เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้มีการเซ็นลงนามความร่วมมือกับทางบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด เพื่อขยายงานในส่วนของการรือแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง (offshore) ที่ไม่ได้ในใช้งานบริเวณอ่าวไทย เพื่อขยายไลน์การรับงานเพิ่มเติมประกอบกับช่วยเสริมรายรับในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น

ร่วม”อู่กรุงเทพ”รือแท่น

ทั้งนี้ รูปแบบความร่วมมือข้างต้นนั้นทาง "อู่กรุงเทพ" (ปัจจุบันมีทางกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) จะทำหน้าที่เป็นผู้เข้าไปประมูลงานรือแท่นขึ้นเจาะปิโตรเลียม โดยมีทาง CRANE ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินโครงการที่ทาง "อู่กรุงเทพ" สามารถชนะประมูลได้ ผ่านที่ CRANE การร่วมกับทางพาร์เนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับงาน offshore เพิ่มเติมอีก 2 ราย เพื่อทำให้งานสำเร็จลุล่วงตามที่วางไว้

สำหรับโครงการรื้อถอนแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมที่ไม่ได้ใช้งานในไทยนั้นทางกระทรวงพลังงานมีแผนดำเนินการทั้งหมด 50 แท่น ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการไปแล้ว 7 แท่นในเฟสที่ 1 และเตรียมจะเปิดประมูลในเฟสที่ 2 อีก 14 แท่น และที่ต่อเนื่องหลังจากนี้ หวังได้เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการเปิดการเปิดประมูลโครงการข้างต้นในปี 2565

"การร่วมมือกับทาง "อู่กรุงเทพ" ครั้งนี้ถือเป็นการขยายไลน์การรับงานของ CRANE ให้กว้างขึ้น ตลอดจนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถเติบโตได้ในระยะยาวต่อไป"

ด้านธุรกิจการวางระบบฐานรากประเภทเสาเข็มเจาะ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท จากงานเข็มเจาะของทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานราชการ ซึ่งคาดเกือบทั้งหมดจะรับรู้ไม่เกินไตรมาส 4/2565 หรือภายในปีนี้ แต่อาจจะมีบางส่วนต่อเนื่องไปในปี 2566

ขณะที่ในช่วงที่เหลือปีนี้เบื้องต้นทาง CRANE มีแนวทางยื่นประกวดราคาโครงการประเภทโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน สะพาน อาคารสำนักงาน คิดเป็นมูลค่าราว 400 ล้านบาท โดยธุรกิจหวังได้รับการคัดเลือกจากเจ้าของโครงการให้ได้มากที่สุด เพื่อเสริมรายรับเพิ่มเติม

ครึ่งหลังแจ่ม

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2565 บริษัทคสดน่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีนี้ เนื่องจากธุรกิจมีงานในมือ ที่รอส่งมอบเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีโอกาได้โครงการใหม่เข้ามาเสริม ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ในปี 2565 บริษัทประมาณการรายได้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ราว 535 ล้านบาท หลังช่วงไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้แล้วราว 144 ล้านบาท ประกอบในช่วงที่เหลือยังมี Backlog ที่รอรับรู้ค่อนข้างมาก และมีโอกาสได้รับโครงการใหม่เข้ามาเสริม นอกเหนือ จากธุรกิจให้เช่าเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มขยายตัวชัดเจน ตามภาวะการลงทุนต่างๆ ที่มากขึ้น

ส่วนแนวทางการบริหารงานหลังจากนี้ยังคงมุ่งให้ควาสำคัญกับการขยายการรับงานใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนให้อัตราการใช้เครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ (Active) ขยับเพิ่มขึ้น ซึ่งคงทำควบคู่ไปกับการพยายามบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ให้มีประสิทธิ์ภาพ

ขณะที่ธุรกิจการนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ บริษัทยังคงร่วมมือกับทาง “XCMG”ผู้ประกอบธุรกิจในการพัฒนาและผลิตเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมต่างๆซึ่งถือเป็นพันธมิตรรายใหม่ของธุรกิจและมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องจักรขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศจีนให้มากขึ้น หวังสนับสนุนยอดขายของธุรกิจให้ดีขึ้นหวังสนับสนุนการเติบโตอีกทางหนึ่ง