ทันหุ้น - SKN คาดผลงานไตรมาส 4/64 พีค หลังเดินหน้าส่งออกออเดอร์ให้ลูกค้าได้มากขึ้น อวดมีงานรอในมือล่วงหน้า 2-3 เดือนแล้ว หนุนกำลังการผลิตเฉลี่ยยืนเหนือ 90% ชี้การลงทุนผลิตกาวดันมาร์จิ้นปีนี้ทะยาน แย้มปี 2565 แนวโน้มการเติบโตดีต่อเนื่อง หลังดีมานด์ต่างประเทศยังขยายตัว

นายหาญศิริ แสงวงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2564 ที่มีรายได้อยู่ที่ 872.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 200.77 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีออเดอร์บางส่วนที่เลื่อนกำหนดส่ง เตรียมส่งมอบในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมทั้งบริษัทยังมีออเดอร์ใหม่ที่ทยอยเข้ามาเพิ่มจากทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าอยู่ในมือแล้วประมาณ 2-3 เดือน ทำให้คาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตรากำลังการผลิตในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้มากกว่า 90% อย่างไรก็ดี รายได้จากการขายส่วนใหญ่กว่า 90% ยังคงเป็นการส่งออกเป็นหลัก โดยแบ่งสัดส่วนการส่งออกเป็นกลุ่มตะวันออกกลาง (Middle East) กว่า 66% กลุ่มประเทศอื่นๆ 16% ในแถบเอเชีย 14% และประเทศไทย 4% เป็นต้น ซึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนคิดเป็นสัดส่วน 48% ส่วนอีก 52% ที่เหลือบริษัทจัดจำหน่ายโดยตรงให้กับทางลูกค้า

มาร์จิ้นพุ่ง

ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนธุรกิจผลิตกาว ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ร่วมกับการผลิตเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นปานกลาง (Medium Density Fiberboard: MDF) ที่เริ่มดำเนินการผลิตและสร้างรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นมา ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

สะท้อนต่ออัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนที่ระดับ 48.16% และ 22.99% จากไตรมาส 2/2564 ที่ระดับ 40.73% และ 16.98% และเมื่อเทียบช่วงไตรมาส 3/2563 ที่ระดับ 23.03% และ 5.72% ตามลำดับ โดยเชื่อว่าจะทรงตัวเหนือระดับดังกล่าวได้ต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2565 เพราะรับรู้เข้ามาได้เต็มปี

พร้อมกันนี้ ล่าสุดทางคณะกรรมการบริษัทได้มีการอนุมัติการลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท เอสเคเอ็น คราฟท์ แอนด์ เปเปอร์ จำกัด (SKN Kraft and Paper Company Limited) เพื่อประกอบธุรกิจการนำกระดาษที่ใช้แล้วมาคัดแยกพลาสติกและโลหะออก และนำไปผ่านกระบวนการบดและปั่นแห้ง เพื่อผลิตเป็นเยื่อกระดาษและกระดาษ โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่เฉลี่ยราว 200,000 ตันต่อปี มูลค่าลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท เบื้องต้นคาดใช้ระยะเวลาในการประกอบและติดตั้งเครื่องจักร และเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ 2 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และสร้างรายได้เพิ่มให้บริษัทในอนาคต

ผลงานโตเด่น

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทมีความมั่นใจว่าจะมีการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,479.11 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 163.08 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 นี้บริษัทสามารถสร้างรายได้แล้ว 2,584.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิแล้วที่ 460.66 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/2564 จะประสบปัญหาเรื่องฤดูกาล ฝนตกหนัก ทำให้มีอุปสรรค์ในการจัดส่งสินค้ามีความล่าช้าไปบ้าง แต่ในปัจจุบันกลับมาดำเนินได้ตามปกติแล้ว ขณะที่ค่าขนส่ง (เฟรท) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นไม่ส่งผลกระทบเนื่องจากบริษัทได้คิดค่าขนส่งร่วมสินค้าไปแล้ว ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลบวกต่อธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการและดูแลต้นทุนให้อยู่ในระดับที่ดีทั้งในช่วงที่เหลือของปี 2564 และต่อเนื่องในปี 2565 พร้อมเดินหน้าในการขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าดีมานด์ใช้ MDF ยังคงมีอยู่อีกมาก จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้คาดว่าในกรณีที่ไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีหน้าจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากปีนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ