ทันหุ้น – OCEAN ชี้ธุรกิจอสังหายังโตต่อ พุ่งเป้าแนวราบ จ่อผุดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ มูลค่า 480 ล้านบาท พร้อมโชว์ Backlog ในมือกว่า 600 ล้านบาท ด้านธุรกิจผลิตกัญชง-กัญชา อยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าหลายราย คาดเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/64 และบุ๊กรายได้เข้าทันที 15 ล้านบาทในปีนี้ ส่วนปีหน้าตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านรามอินทรา โครงการ THE Valor มูลค่า 480 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง และมีความต้องการสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ทำให้ความต้องการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

** ครึ่งปีแรกโตได้ดี

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ในงวดครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีโครงการคอนโดมิเนียม IKON SUKHUMVIT 7 มูลค่า 1,170 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มมีการโอนจนถึงปีสิ้นปี 2564 คาดว่าจะมียอดโอนคิดเป็น 78% และโครงการ IKON UDOMSUK มูลค่า 600 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 85% ซึ่งทั้ง 2 โครงการ ผลตอบรับดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

สำหรับปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ IKON อุดมสุข ประมาณ 400-500ล้านบาท เเละโครงการ IKON อ่อนนุช อีกประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยโอน โครงการ IKON อ่อนนุช ประมาณ 2อาทิตย์ หลังจากที่ลูกค้าจอง ส่วนโครงการ IKON อุดมสุข บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มทยอยโอนได้ในช่วงไตรมาสที่ 4/2565

นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที (Inventory) มูลค่ารวมประมาณ 800ล้านบาท ซึ่งมาจาก โครงการ The Valor มูลค่า 480 ล้านบาท เเละโครงการ IKON อ่อนนุช อีกประมาณ 300ล้านบาท ส่วนโครงการ IKON  อุดมสุข เหลืออยู่ที่ประมาณ 40-50 ล้านบาท ซึ่งจากโครงการทั้งหมดคาดว่าจะสามารถขายหมดประมาณไตรมาสที่ 2/2565

**อสังหาฟื้นตัว

"มั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ของบริษัท โดยตั้งเป้าหมายรายสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง มีแรงหนุนมาจากธุรกิจอสังหาที่ฟื้นตัว และกำลังซื้อเริ่มทยอยกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายที่จะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 80 ล้านบาท ให้หมดภายในปีนี้ให้ได้"

สำหรับการตั้งบริษัทย่อย "บริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด" เพื่อประกอบธุรกิจลงทุนเพื่อจัดจำหน่าย ร่วมผลิตสินค้า และว่าจ้างผลิตสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ วัตถุดิบ ประเภทรวมพืชกัญชง หรือกัญชา เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริม และยา รวมถึงสั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิต ซึ่งอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักรสกัดกัญชง เเละจากนั้นจะเดินหน้าขอใบอนุญาตการ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงผู้ว่าราชการ จังหวัดลำพูน

ขณะที่ก่อนหน้าบริษัทได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอาหารเสริม เพื่อการลงทุนการค้าในรูปแบบสัญญาร่วมผลิตสินค้า จัดจำหน่ายและส่งออก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารและยา ด้วยนวัตกรรมจากพืชกัญชาและพืชกัญชง

***จ่อบุ๊กรายได้กัญชง

สำหรับปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจากับลูกค้าหลายราย ซึ่งหากสามารถผลิตและจำหน่ายได้ บริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาทันที คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 4/2564และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันทีประมาณ 15ล้านบาท ในปีนี้ ส่วนในปี 2565เชื่อว่าจะมีรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 100ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนเพิ่มเติมโดยใช้ครบงบประมาณประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับการพิจารณาลงทุนเครื่องจักรที่มีกำลังการผลิตใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทไม่ได้ผลิตขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการรับจ้างผลิตด้วย

โดยประเมินว่าปีนี้รายได้หลักยังมาจาก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ประมาณ 95% และมีการลงทุนบริษัทย่อยเพิ่มเติม ได้แก่ บริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ปีนี้อยู่ประมาณ 5%

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1