ทันหุ้น-บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI โดยแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 11.50 บาทต่อหุ้น มองว่าเป็นผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีจุดเด่นจากยอดขายรอโอน หรือ Backlog ที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งสิ้นไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 34,711 ล้านบาท จะช่วยหนุนการเติบโตของผลประกอบการในช่วงปี 2564-2567
ฝ่ายวิจัยฯ ระบุว่า ในปี 2564 ORI สามารถบรรลุเป้าหมายอดโอนโครงการ Non-Jv ที่ 12,800 ล้านบาท เนื่องจากยังมี Backlog ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้อยู่ในระดับสูงที่ 7,516 ล้านบาท และมีรายได้ที่มีการรับรู้แล้วที่ 3,446 ล้านบาท คิดรวมกันเป็นกว่า 86% ของเป้าหมาย ในขณะที่โครงการ JV บริษัทมี Backlog ครอบคลุมเป้าหมายยอดโอนแล้ว 100% นอกจากนี้เชื่อว่าแนวโน้มยอดโอนของ ORI จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วง
ครึ่งปีหลัง จากปัจจัยเชิงบวกเช่นสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง การเร่งกระจายวัคซีน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็เห็นสัญญาณการเติบโตของยอด Presale ที่แข็งแกร่งของ ORI โดย 5 เดือนแรก มียอดกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และคิดเป็น 34% ของเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ในปีนี้ที่ 29,000 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อนโดยฝ่ายวิจัยคาดว่ายอด Presale จะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องจากการที่ ORI เดินหน้าทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนที่ตั้งเป้าไว้ 20 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 5 เดือนแรกมีการเปิดตัวแล้ว 6 โครงการ มูลค่า 8 พันล้านบาท
ฝ่ายวิจัยคาดว่า ORI ในปี 2564 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,066 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยผลักดันจาก Backlog ที่แข็งแกร่ง และโครงการใหม่ที่จะเริ่มทยอยโอนตลอดทั้งปี ซึ่งมีโครงการใหญ่คือ KnightsBridge Space Rama9, The Origin Ramintra 83 station และ Park Origin Phayathai
นอกจากนี้ ORI ยังได้ขยายธุรกิจใหม่เพื่อสร้างรายได้ประจำ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. ธุรกิจสุขภาพ เช่น ธุรกิจเสริมความงามที่คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2564 และธุรกิจศูนย์บริการสุขภาพที่จะเปิดให้บริการในปี 2565 ธุรกิจที่ 2 คือธุรกิจศูนย์โลจิสติกส์ ซึ่งได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับทาง JWD เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ ในรูปแบบคลังสินค้าอัจฉริยะคาดเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2565 และธุรกิจที่ 3 คือ บริหารสินทรัพย์ โดยบริษัทจะซื้อสินทรัพย์ NPL จากสถาบันการเงิน และใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านสร้างคอนโดฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไร ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์จะแตะ 10% ภายในปี 2567
ขณะเดียวกัน ORI ยังได้ร่วมกับ Bitkub เปิดให้บริการซื้อขายอสังหาริทรัพย์ผ่านคริปโทเคอร์เรนซีได้ตั้งแต่ 4 มิ.ย.2564 โดยเบื้องต้นบริษัทรองรับเหรียญ 3 สกุลคือ อีเธอเรียม เทเทอร์ และบิทคอยน์ ฝ่ายวิจัยมองว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นปัจจัยเชิงบวกกับราคาหุ้นในระยะสั้น แต่เชื่อว่าการใช้คริปโทเคอร์เรนซีจะเป็นเพียงการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการซื้อขายบ้านและคอนโดฯ ซึ่งคาดว่าจะไม่กระทบต่อประมาณการกำไรหลักอย่างมีนัยสำคัญ
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม