> SET > ORI

15 มีนาคม 2021 เวลา 10:56 น.

ORI จับตาธุรกิจใหม่หนุน AMC มีโอกาสโตเร็วสุด

บล.เคทีบีเอสที สแกน ORI ยังคงแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง 2564 PER ที่ 8 เท่า (5-yr average PER) ได้จัด group conference call กับ ORI โดยยังคงมีมุมมองเป็นบวกเช่นเดิมต่อทั้ง 3 ธุรกิจใหม่ แต่มีความชัดเจนมากขึ้น ดังนี้ 1) ธุรกิจ Healthcare แนวโน้มจะขาดทุนในช่วงปีแรกๆ แต่จะเป็นบวกในระยะยาว จากจำนวนผู้ใช้บริการที่ทยอยเพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์สุขภาพทั้ง 2 แห่ง มีจุดเด่นจากทำเลใกล้คอนโดของ ORI ที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว และเน้นราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง จากความได้เปรียบด้านการก่อสร้าง, 2) ธุรกิจ AMC มีโอกาสทำกำไรได้เร็ว โดยมีจุดแข็งจากการที่ได้ผู้บริหารมาจาก BAM และ SAM ซึ่งมีประสบการณ์สูง โดยประมาณการรายได้จะมาจากการเจรจาประนอมหนี้ 80% และการนำทรัพย์มา renovate เพื่อขาย 20% และ 3) ธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงคืบหน้าตามแผนเดิม โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ Q2/65 และมีแผนขายเข้ากอง REIT รับรู้กำไรได้ทันที


ฝ่ายวิจัยยังคงกำไรปี 2564 ที่ 3.2 พันล้านบาท, +20% YoY โดยยังไม่รวมธุรกิจใหม่ ซึ่งชอบธุรกิจ AMC มากสุด จากความสามารถในการทำกำไรได้เร็วและมีโอกาสเติบโตสูง จากการมีฐานข้อมูลลูกค้าและความเชี่ยวชาญในกลุ่มอสังหาฯ, ธุรกิจโลจิสติกส์ แนวโน้มเติบโตมั่นคงในระยะยาวแต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและกว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ใช้เวลานาน ในขณะที่ธุรกิจ Healthcare มีแนวโน้มขาดทุนในช่วงแรกเพราะต้องใช้ระยะเวลาในการเพิ่มฐานลูกค้า 


ราคาหุ้น underperform SET -1% ในช่วง 3 เดือน จากกำไร Q4/63 ที่ลดลงจากผลกระทบ COVID-19 แต่ outperform SET +8% ในช่วง 1 เดือน โดยยังคงแนะนำ ซื้อ จากกำไรปี 2564 ที่จะกลับมาเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะ Q1/64 จะดีขึ้นมากทั้ง YoY และ QoQ  ขณะที่ความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ประจำและมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต และมีการเทรดที่ PER สูงกว่าธุรกิจอสังหาฯ จะช่วยหนุนให้มีโอกาสปรับเพิ่ม valuation ได้อีก


Event: Group conference call

ธุรกิจใหม่จะช่วยหนุนการเติบโตระยะยาว เราได้จัด group conference call กับ ORI เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ซึ่งมีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกิจใหม่ที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงไม่ต้องพึ่งพาธุรกิจอสังหาฯ เพียงอย่างเดียว และยังเป็นธุรกิจที่มีรายได้ประจำทุกปี (recurring income) ซึ่งจะเป็นการช่วยหนุนการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว โดย ORI ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การขายอสังหาฯ คิดเป็น 30% ในอีก 5 ปีข้างหน้า (จากปีปัจจุบันที่ 10%) นอกจากนั้น มีแผนที่จะ spin-off ธุรกิจใหม่ให้ได้ภายใน 3-5 ปี ทั้งนี้ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 


1) ธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare): จะอยู่ภายใต้บริษัทย่อยแห่งใหม่ "ออริจิ้น เฮลท์แคร์" ORI ถือหุ้น 76% และอีก 24% เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ 2-3 ราย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในปีนี้ราว 500 ล้านบาท โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจ 1.1) ธุรกิจเสริมความงามชื่อ CHEVA PLUS โดยมีแผนจะเปิดในปี 2564 จำนวน 1 สาขา และจะเพิ่มเป็น 10 สาขา ภายในปี 2566 และ 1.2) ธุรกิจศูนย์สุขภาพ มีแผนจะเปิด 2 แห่ง ได้แก่ ที่แบริ่ง ในปี 2565 และที่รามอินทรา ในปี 2566 โดยจะเน้นตอบโจทย์ที่ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ โดยโครงการของ ORI จะใช้จุดเด่นราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง รวมถึงการมีฐานลูกค้าในกลุ่มอสังหาฯ ค่อนข้างมาก 


2) ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC): ORI จะถือหุ้นเอง 100% โดยผู้บริหารจะมาจาก BAM และ SAM ซึ่งมีประสบการณ์สูงในธุรกิจนี้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ Q3/64 ใช้เงินลงทุนช่วงแรกราว 500 ล้านบาท เข้าไปประมูลหนี้ที่มีหลักประกัน (secured loan) ประเภทอสังหาฯ เรามองเป็นบวกจากการที่ ORI มีจุดแข็งด้านฐานข้อมูลลูกค้าและความเชี่ยวชาญในกลุ่มอสังหาฯ ทำให้มีโอกาสขายทรัพย์ได้ในราคาที่ดีหรือสามารถนำอสังหาฯ มาปรับปรุงให้มีความทันสมัยตรงตามความต้องการของลูกค้าทำให้มีโอกาสขายได้ในราคาที่ดี ซึ่ง ORI ตั้งเป้าหมายรายได้จะมาจากการเจรจาประนอมหนี้ 80% และนำ renovate เพื่อขาย 20%      


3) ธุรกิจโลจิสติกส์: ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ร่วมกับ JWD ถือหุ้น 50%:50% โดยจะเป็นการผสานจุดแข็งจากที่ ORI มีความเชี่ยวชาญการหาที่ดินและการก่อสร้าง ขณะที่ JWD มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์ สำหรับในเฟสแรกจะเป็นคลังสินค้าขนาด 6.2 หมื่นตารางเมตร ที่บริเวณบางนา กม.22 ใช้เงินลงทุนในส่วนของ ORI ราว 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 โครงการ คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ Q2/65 และมีแผนที่จะขายเข้ากอง REIT รับรู้กำไรได้ทันที


ทั้งนี้ ทั้ง 3 ธุรกิจใหม่ ORI จะมีการเปิดเผยข้อมูลเป้าหมายทางการเงินในช่วงปลายเดือน เม.ย.21


ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปี 2564 กลับมาเติบโตสูง +20% YoY ส่วนธุรกิจใหม่จะช่วยหนุนกำไรระยะยาว ยังประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 3.2 พันล้านบาท +20% YoY ส่วนกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น +29% YoY เนื่องจากจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนต่อเนื่องทุกไตรมาสรวม 8 โครงการ รวมถึงรายได้จากโครงการแนวราบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น สำหรับ backlog ที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564 ทำได้ค่อนข้างสูงแล้วที่ 76% จากรายได้ที่เราประเมิน ซึ่ง backlog ในงวด Q4/63 ที่ยังรับรู้เป็นรายได้ไม่ทันราว 2 พันล้านบาท จะไปเป็น backlog ที่รับรู้เป็นรายได้ใน Q1/64 แทน ซึ่งจะทำให้กำไร Q1/64 กลับมาเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ได้โดดเด่น 


นอกจากนั้น อาจมีกำไรพิเศษราว 100-200 ล้านบาท จากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 2-3 แห่งให้กับบริษัท JV ซึ่งเรายังไม่ได้รวมในประมาณการ สำหรับธุรกิจใหม่ดังกล่าวข้างต้น ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มกำไรในปี 2565 ราว 50 ล้านบาท (ยังไม่ได้รวมในประมาณการ)  ซึ่งยังเป็นสัดส่วนน้อย แต่จะมีนัยสำคัญมากขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งเราจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งหลัง ORI มีการเปิดเผยข้อมูลเป้าหมายทางการเงิน 


คงประเมินราคาเป้าหมาย 10.00 บาท โดยอิง 2564 PER ที่ 8 เท่า (5-yr average PER) โดยมี key catalyst จากกำไร Q1/64 ที่จะกลับมาโดดเด่น และปี 64 ที่เติบโตสูง เนื่องจากมีคอนโดใหม่เริ่มโอนค่อนข้างมาก และยังมี backlog ที่รอรับรู้เป็นรายได้ที่สูง  

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X