> SET > KGI

18 ธันวาคม 2020 เวลา 07:30 น.

วอลุ่มQ4พุ่งเฉียด50% โผหุ้นบล.ผลงานอู่ฟู้

ทันหุ้น-จับตาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ หลังมูลค่าการซื้อขายไตรมาส 4 พุ่งกระฉูดเฉียด 50%สูงที่สุดในรอบหลายๆปี  พบ KKP – KGI – MBKET – FSS วอลุ่มมาแรง มาร์เก็ตแชร์ต้นๆ นักวิเคราะห์ชอบ KGI กำไรเติบโตดี และมีการจ่ายเงินปันผล ขณะที่ผู้บริหาร FSS วางกลยุทธ์ใช้ IPO นำ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม


จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ พบว่า นับตั้งแต่เข้าสู่ไตรมาส 4/2563 ตุลาคมถึงล่าสุดวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีมูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 75,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 45.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 51,579 ล้านบาทต่อวัน และเพิ่มขึ้น 25.75% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 ที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่ 59,865 ล้านบาท


โดยบริษัทหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายเป็นอันดับ 1 ในช่วงไตรมาส 4/2563 (หักการซื้อขายบัญชีบริษัทหลักทรัพย์) คือ บล.เกียรตินาคินภัทร (KKPS) มูลค่าซื้อขาย 7.87 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 11.87% อันดับ 2บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (CGS-CIMB) มูลค่าซื้อขาย 4.15 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 6.26% อันดับ 3 บล.เคจีไอ (KGI)  มูลค่าซื้อขาย 4.12 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 6.21%


อันดับ 4บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง มูลค่าซื้อขาย 4.09 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 6.18% อันดับ 5 บล.คิงฟอร์ด มูลค่าซื้อขาย 3.98 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 6% อันดับ 6 บล.ฟินันเซียไซรัส (FSS) มูลค่าซื้อขาย 4.09 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 5%


นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการ Equity Derivative บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่า มูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ในไตรมาส 4/2563 มีแนวโน้มที่ดี แต่การที่ บล. มีการนำระบบการซื้อขายแบบโรบอทเข้ามาใช้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ หรือคอมมิชชั่นที่ไม่สูง ดังนั้นจึงไม่สามารถการันตีได้ว่าทุก บล.จะมีกำไรที่โดดเด่น


ขณะเดียวกัน บล.หลายแห่งก็พยายามปรับตัว โดยไม่พึ่งรายได้ค่าคอมมิชชั่นเพียงอย่างเดียว โดยได้หารายได้ในส่วนอื่นๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งการปล่อยมาร์จิ้น , การออก DW หรือธุรกิจเวลท์ แมเนจเม้นท์ เป็นต้น เพราะภาวะตลาดหุ้นโดยรวมมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ


@ KGI น่าสนใจ


นายธีรวุฒิ ประเมินว่า ในปี 2563 นับเป็นปีที่ดีของธุรกิจหลักทรัพย์ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นบล.ที่น่าสนใจ จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโต จากการหารายได้หลายส่วน และมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ซึ่งมองว่าหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ KGI และหุ้นบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP น่าสนใจ แต่ให้น้ำหนักในหุ้น KGI มากกว่าเนื่องจากมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง


ทั้งนี้ KGI ในไตรมาส 3/2563 มีกำไร 474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรายได้รวมอยู่ที่ 1,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งพบว่ารายได้ค่านายหน้าลดลง 17%สาเหตุหลักเนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง แต่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ เพิ่มขึ้น 13%เพราะการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหน่วยลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด นอกจากนี้ มีกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 64%

โดยในปี 2562 KGI มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดปี 2562 จำนวน 0.341 บาทต่อหุ้น


**FSS ใช้กลยุทธ์ IPO เพิ่มลูกค้า


นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร สายงานธุรกิจค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้กลยุทธ์ด้านนำหุ้น IPOเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่  โดยที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าเปิดบัญชีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้มีการเปิดบัญชีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทยังมีเครื่องมือลงทุน ผ่านแอพพลิเคชั่น Finansia HERO เพราะมีทั้งข้อมูล และข่าวสารเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจการลงทุน ซึ่งนักลงทุนหน้าใหม่ โดยเฉพาะเด็กที่จบใหม่จะนิยมใช้มาก นอกจากนี้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2563 จะเติบโต ตามมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามจะต้องดูว่าราคาหุ้นบล.แต่ละแห่งได้ปรับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้วหรือยัง


**แข่งขันยังรุนแรง


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่าธุรกิจหลักทรัพย์ยังมีการแข่งขันลดค่าคอมมิชชั่นอยู่ จึงทำให้รายได้จากค่าคอมมิชชั่นของ บล.อยู่ในระดับที่ลดลง อย่างไรก็ตามการที่ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่เอื้อให้ผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น


โดยปัจจัยที่มีผลต่อผลประกอบการของธุรกิจหลักทรัพย์ มองว่าจะมี 3 ส่วนได้แก่ค่าคอมมิชชั่น ต่อมาได้แก่ส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละแห่ง และมูลค่าการซื้อขายในตลาดโดยรวม ซึ่งเมื่อใกล้ประกาศงบก็มีโอกาสที่จะมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นบล.ที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตได้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X