ทันหุ้น - สู้โควิด: CCP มองทิศทางครึ่งปีหลังสดใส งานภาครัฐยังเป็นพระเอก เริ่มเห็นออเดอร์กลับเข้ามา ลุยออกสินค้ามาร์จิ้นสูงมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนเพิ่มความสามารถทำกำไร คาด อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 5% ตุนงานในมือกว่า 1,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 60%

 นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าปริมาณงานในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ปี 2563 จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทเริ่มเห็นออเดอร์ที่กลับเข้ามา นอกจากนี้คาดว่าดีมานด์ในครึ่งปีหลังน่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนของการลงทุนภาครัฐ อาทิ โครงการเมกะโปรเจ็กต์ โครงการโครงสร้างพื้นฐานในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ที่จะเริ่มทยอยดำเนินงานก่อสร้าง และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่จะกลับมามีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทถนน และงานภาคเอกชน อาทิ งานนิคมอุตสาหกรรม ต่างๆ ซึ่งบริษัทคาดว่างานภาครัฐในปีนี้จะเป็นตัวผลักดันการเติบโตได้เป็นอย่างดี

ซึ่งหากเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้หากประเมินภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทมองว่า แม้ผลงานชะลอตัวแต่ยังเติบโตได้ดีกว่าไตรมาสที่ 2 ของปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปร่วมกับลูกค้า เพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน เมกกะโปรเจ็กต์ งานกรมทางหลวง และเดินหน้าติดตามงานโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape

รวมถึงเพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูป กลุ่มบล็อกกำแพง ล็อกกันหน้าดินบล็อกปูพื้นที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้างขาดแคนแรงงาน ลดต้นทุนทำให้งานเสร็จรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์สเปคสูงที่จะออกมานั้นจะช่วยเพิ่มอัตราอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับประมาณ 5%

“สำหรับแรงงานในปัจจุบันต้องยอมรับว่าลดลง หากมีโครงการออกมาเป็นจำนวนมากสินค้าของบริษัทก็น่าจะเป็นที่ตอบโจทย์ในยุคที่แรงงานลดลง รวมถึงมองว่าการก่อสร้างในอนาคตอาจใช้รูปแบบการประกอบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถลดการใช้แรงงานคนได้” นายอาทิตย์ กล่าว

ด้านธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) หลังจากที่ได้ปรับโมเดลธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ยอดขายปรับตัวดีขึ้นและความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังที่เห็นจากผลการดำเนินการช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา

รายได้ยังโต

ด้านผลงานปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 2,600 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20% ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% ซึ่งบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับไว้ไม่ต่ำกว่า 1.800 - 2,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้น Backlog ที่มีคุณภาพ คัดเลือกกลุ่มลูกค้าและโครงการที่มีกำลังซื้อเพื่อเพิ่มอัตรากำไร