ทันหุ้น-สู้โควิด : โบรกเกอร์ 6 รายประเมินปัจจัยพื้นฐานหุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU พร้อมคำแนะนำ และราคาเป้าหมาย พบว่าส่วนใหญ่ แนะนำซื้อ โดยราคาเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ 16.80 บาทต่อหุ้น ส่วนโบรกเกอร์ที่ให้ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 12.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งแนะนำเก็งกำไร 

บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น TU และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 16.80 บาท จากเดิมอยู่ที่ 16.20 บาทต่อหุ้น โดยได้มีการปรับประมาณการปี 2563-2564 เพิ่มขึ้น 6% และ 4% ซึ่งมองกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 สูงกว่าเดิมคาดว่าอยู่ที่ 1,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 128% จากไตรมาสแรกปีนี้ เพราะไม่มีสำรองเงินชดเชยบริษัทค้าปลีกเหมือนในไตรมาส 2/62 

โดยในไตรมาส 2/63 มีผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ลูกค้ากุ่ม food service ในสินค้ากุ้งและแซลมอนลดลงใน มี.ค.-พ.ค. แต่ยอดขายทูน่ากระป๋องเพิ่มขึ้นมากในเวลาเดียวกัน และคาดว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น และในปี 2564 ดีต่อเนื่อง จากความต้องการทูน่ากระป๋องยังโต , ธุรกิจกุ้งและแซลมอนฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ธุรกิจ PETfood ดีขึ้นต่อเนื่อง, Red Lobster มีผการดำเนินงานฟื้นตัว และการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และการขยายตลาดเพิ่มให้กับ   Red Lobster

บล.บัวหลวง แนะนำซื้อหุ้น TU โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 16.25 บาทต่อหุ้น เนื่องจาก  valuation ณ ปัจจุบันที่ถูกมากโดยอัตราส่วน PER ปี 2563 อยู่แค่เพียง 13.4 เท่าซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของ TU ซึ่งอยู่ที่ 13.9 เท่า โดยคาดกำไรหลักในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 1.38 พันล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสแรกปีนี้ โดยธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่เติบโตดีมาก จากโควิด-19 มีแนวโน้มกลบธุรกิจอาหารทะแลแช่แข็งที่ลดลง  จาก horeca ที่ยังคงปิดตัว และส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster (RL) ที่จะเพิ่มขึ้น

สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลัง คาดได้อานิสงค์บวกจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและธุรกิจ RL ที่จะกลับมาฟื้นตัวแรง

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ประเด็นการลงทุน คาดกำไรปกติของ TU ในไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มดีกว่าที่เคยคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะสูงอย่างมีนัยยะจากการเติบโตมากของยอดขายสินค้าอาหารทะเลแปรรูปซึ่งมีอัตรากำไรสูง แต่คาดว่ากำไรชะลอลงในไตรมาส 3/63  ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตามและเป็นความเสี่ยงคือ Red Lobster ซึ่งมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง โดยยังคงคำแนะนำ ถือ TU โดยให้ราคาเป้าหมาย (PER 15 เท่า) 14.10 บาทต่อหุ้น 

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำเก็งกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาทต่อหุ้น โดยมีมุมมองเป็นกลาง ต่อแนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือของปีของ TU จากการคลาย Lockdown ทำให้ธุรกิจ Food service กลับมาซื้ออาหารแช่เย็น แช่แข็งมาขึ้น แต่ก็อาจทำให้ธุรกิจอาหารกระป๋องชะลอลงได้ และ Red lobster คาดขาดทุนแต่ลดลงในไตรมาส 3/63 และประเมินว่ากำไรช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยง เนื่องจากเชื่อว่ายอดขายของ ธุรกิจอาหารกระป๋องผ่านจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว, การฟื้นต้วของยอดขายธุรกิจอาหารแช่เย็นแช่แข็งยังเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติเพราะธุรกิจการบิน และโรงแรมยังต้องใช้เวลาฟื้นตัว ขณะที่ร้านอาหารมีการกลับมาสต๊อกสินค้าไปแล้วระดับหนึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. 

บล. เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 16 บาทต่อหุ้น คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้น 1,152% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 37% จากไตรมาสแรกปีนี้ มองว่า ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปเติบโตแข็งแกร่ง ชดเชยธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ค่อนข้างอ่อนแอ และคาด Red Lobster ขาดทุนหนักจากการปิดร้านอาหารในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการแล้วราว 600 สาขา 

และบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)   คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 16 บาทต่หุ้น  คาดความกังวลผลการดำเนินงานปี 2563 ได้สะท้อนไปยังราคาหุ้นแล้ว แต่ในปี 2564 จะมีการฟื้นตัวสูง และที่ระดับราคาวัตถุดิบทูน่าขณะนี้ ถือว่ายังเป็นผลดีกับบริษัทอยู่มาก ประเมินราคาพื้นฐานด้วย P/E ปี 2564 ที่ 14.5 เท่า ซึ่งเป็น -1.5 SD จากค่าเฉลี่ย P/E 5 ปีย้อนหลัง   

ราคาหุ้น TU พักเที่ยงปิดที่ 13.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 149.19 ล้านบาท 

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1