ทันหุ้น – สู้โควิด – BAM เดินหน้าปรับโครงสร้างลูกหนี้ NPL ตั้งเป้าปีนี้มีลูกหนี้ชั้นดี 1 หมื่นราย เตรียมขนทรัพย์เด่นกว่า 900 รายการขายออนไลน์ อัดโปรโมชั่นพิเศษ มั่นใจครึ่งหลังรายได้ฟื้น ชงบอร์ดออกหุ้นกู้ 2.5 หมื่นล้านบาท ซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มด้านนักวิเคราะห์ชี้เป้าหุ้นปันผลสูง 4.3%ธุรกิจมั่นคงระยะยาว “ซื้อ” เป้า 27.50 บาท

นายสันธิษณ์ วัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าบริหารจัดการลูกค้ากลุ่ม NPL ให้กลับมามีศักยภาพในการผ่อนชำระอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีลูกหนี้ 80,000-90,0000 ราย มูลค่าคงค้างในพอร์ตประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีลูกหนี้ที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) จำนวน 7,000 ราย และมียอดหนี้เงินต้นประมาณ 9,000 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าชั้นดีที่ 10,000 ราย

ซึ่งบริษัทมีนโยบายจะเพิ่มลูกหนี้ในส่วนดังกล่าว เพื่อจะได้ช่วยสร้างกระแสเงินสดให้มีอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันยังมีลูกหนี้ที่ยังไม่ได้รับการประนอมหนี้อีกประมาณ 70,000 ล้านบาท ดังนั้นการลดดอกเบี้ยจึงเป็นกลยุทธ์หลักที่จะเพิ่มลูกหนี้ TDR ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระเข้าระบบ

*รับโควิด-19กระทบรายได้

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะกระทบเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2563 ประมาณ 15% จากเดิมที่ตั้งเป้ามีรายได้ที่ 10,000 ล้านบาท จากความสามารถในการเรียกเก็บเงินสด (Cash Collection) ชะลอตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/2563 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอ่อนแอที่สุดของปี 2563 แต่หากสถานการณ์คลี่คลายบริษัทจะสามารถเพิ่มผลเรียกเก็บเงินสดได้ในครึ่งหลังปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมกลยุทธ์กระตุ้นการเรียกเก็บเงินสดในช่วงครึ่งหลังของปีไว้ทั้งทรัพย์ NPA โดยจะมีการจัด “มหกรรมที่อยู่อาศัยออนไลน์” หรือการขายทรัพย์ในรูปแบบ VR booth Online โดยคัดทรัพย์เด่นจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ กว่า 900 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 3,300 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

ในส่วนของลูกหนี้ NLP จะปรับลดดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลง 0.25% ต่อปี เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งของลูกหนี้ให้สามารถผ่อนชำระค่างวดได้จนจบโปรแกรม

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขออนุมัติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ในวันที่ 19 มิถุนายน 2563 เพื่อออกหุ้นกู้วงเงินรวม 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยออกในปี 2563-2564 เพื่อเตรียมวงเงินไว้สำหรับซื้อทรัพย์เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง

*แนะซื้อปันผลสูง 4.3%

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดผลดำเนินงานของ BAM จะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2563 เนื่องจากบริษัทได้เตรียมความพร้อมในการเปิดขายทรัพย์ ทั้งการเริ่มทำกิจกรรมการตลาดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ บวกกับปีนี้บริษัทจะเริ่มใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อเสนอราคาขายที่น่าดึงดูดมากขึ้น หนุนการระบายทรัพย์ด้อยคุณภาพให้เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2563 ของ BAM ที่ 3,897 ล้านบาท หดตัว 40.5% เมื่อเทียบกับปี 2562 (YoY)

ฝ่ายวิเคราะห์จัด BAM เป็นหุ้น Defensive ที่มีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาว จากการลงทุนในทรัพย์ด้อยคุณภาพในราคาต่ำ ซึ่งเริ่มเห็นผลจากการลงทุนในอีก 3-4 ปีข้างหน้า อีกทั้งบริษัทมี Upside Risk จากการรับรู้ผลประโยชน์ทางภาษีในส่วนของ DTA ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาในงบการเงินเรื่อยๆ ในช่วง 10 ปีรวมทั้งสิ้น 5,871 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ราว 17.5% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 27.50 บาท (วิธี GGM) และคาดมีเงินปันผลจ่ายอีก 1 บาท คิดเป็น Div. Yield 4.3% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”