> SET > JAS

05 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 10:39 น.

หุ้น JAS บวก 3.64% นักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อยไม่แนะเข้าเก็งกำไร กังวลสถานะการเงินระยะยาว

สำนักข่าว"ทันหุ้น"รายงานว่า หุ้นบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ปรับขึ้น----% หลังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 ที่ระดับ 1.26-1.50 บาทต่อหุ้น แต่โบรกเกอร์แนะนำให้นักลงทุนที่ถือหาจังหวะขายทำกำไร ขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยไม่ควรเข้าเก็งกำไร เหตุมีความกังวลต่อสถานะการเงินระยะยาวมีแนวโน้มแย่ลง เนื่องจากธุรกิจมีการแข่งขันรุนแรง 


ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น JAS เช้านี้ อยู่ที่ 5.70 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.64% ระหว่างวันราคาขึ้นมาสูงสุดที่ 5.75 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 1,088.96 ล้านบาท 

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่าระยะสั้นราคาหุ้น JAS มีโอกาสปรับขึ้นแรงตอบรับการประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งในปี 2562 บริษัทจะจ่ายในอัตรา 1.26-1.50 บาทต่อหุ้น หากหักเงินปันผลระหว่างกาลงวดไตรมาส 3/62 ที่จ่ายอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น คงเหลือจ่ายเงินปันผลอีกราว 0.96-1.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็น yield 17-22% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 เม.ย.63 และจ่ายเงินปันผล 12 พ.ค.63 


อย่างไรก็ตามไม่แนะนำเข้าเก็งกำไรสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย จากความผันผวนของราคา เนื่องจากมองว่าปัจจัยพื้นฐาน JAS มีความเสี่ยง downside ทั้งรายได้จากการแข่งขันรุนแรงในตลาดบรอดแบนด์ และต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้นราว 300-400  ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบของค่าเช่าโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีความกังวลต่อสถานะการเงินระยะยาวมีแนวโน้มแย่ลงตามผลการดำเนินงาน ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการจ่ายเงินปันผลในอนาคต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร เบื้องต้นคาดประมาณการกำไรมี downside ประมาณ 10-15%


ขณะที่ไตรมาส 4/62 ธุรกิจหลักพลิกเป็นขาดทุน 264 ล้านบาท แย่ลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 566 ล้านบาท และเทียบกับไตรมาส 3/62 ที่มีกำไร 307 ล้านบาท มีสาเหตุมาจากรายได้รวมเติบโตเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 ตามทิศทางธุรกิจบรอดแบนด์, ต้นทุนสูงขึ้นใกล้เคียงรายได้จากการขายโครงข่ายเป็น ไฟเบอร์ออฟติค และค่ามีค่าเช่า FOC ที่จ่ยให้กองทุนเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายการเงินเร่งตัวขึ้นมาก 


แนวโน้มปี 2563 ยังมีความกังวลต่อการแข่งขันที่รุนแรงกดดันการฟื้นตัวของรายได้หลัก ประกอบกับคาดว่าจะมีต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามค่าเช่าโครงข่าย 


ด้านบล.กสิกรไทย ได้ปรับลดคำแนะนำหุ้น JAS เป็นขาย ซึ่งมองว่าการที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาสูง นักลงทุนควรขายทำกำไร โดยกำไรธุรกิจหลักในไตรมาส 4/62 ของ JAS ออกมาน่าผิดหวังต่ำกว่าคาด 47% และได้ปรับลดประมาณการกำไรธุรกิจหลักปี 2563-2565 ลง 46-68% เพื่อสะท้อนการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นในตลาดไฟเบอร์บรอดแบนด์ (FBB) และการชำระค่าเช่าให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ที่สูงขึ้น โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.50 บาท/หุ้น


JAS แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ค่ำวานนี้ ว่า ในปี 2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.9% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 4,913 ล้านบาท โดย EBITDA ในปี 62 อยู่ที่ 7,190 ล้านบาท คิดเป็น EBITDA Margin 40% โดยมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนจำนวน 7,233 ล้านบาท , กำไรจากการขายเงินลงทุน JASIF จำนวน 1,732 ล้านบาท, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 532 ล้านบาท และปรับปรุงสำรองประกันรายได้ค่าเช่า OFC  ของ JASIF จากการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานอัตราการเพิ่มของค่าเช่าจำนวน 497 ล้านบาท 


ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2562 ลูกค้าที่ใช้บริการ 3BB มีจำนวนทั้งสิ้น 3.18 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ประมาณ 1.90 ล้านราย สัดส่วนของลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ของ 3BB อยู่ที่ 60% เทียบกับสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 35% 


คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการใช้สิทธิ JAS-W3 เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทมีหุ้นสามัญเพื่อรองรับการใช้สิทธิไม่เพียงพอ โดยจะมีการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 153.52 ล้านหุ้น ซึ่งทุนจดทะเบียนจะเพิ่มเป็น 4,854.45 ล้านบาท จากเดิมที่ 4,777.68 ล้านบาท 


สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน เพื่อชำระคืนหนี้สินของบริษัท และกลุ่มบริษัท เช่น เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่นๆ ตามความเหมาะสม และนำเงินคงเหลือไปลงทุนเพื่อพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม หรือเพื่อการดำเนินธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท


นอกจากนี้คณะกรรมการ ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,315.55 ล้านบาท คิดเป็น 80.02% ของกำไรสุทธิประจำปี 2562 โดยอัตราสูงสุด 1.50 บาทต่อหุ้น ในกรณีที่จำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท เท่ากับ 8,210.37 ล้านหุ้น (จำนวนหุ้นปัจจุบัน)  และในอัตราต่ำสุดที่ 1.26 บาทต่อหุ้น ในกรณีที่จำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท เท่ากับ 9,708.89 ล้านหุ้น (ในกรณีที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ แจ้งความจำนงใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ คงเหลือทั้งจำนวนในวันที่ 31 มี.ค.63) 


เนื่องจากใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน(วอร์แรนท์) ของบริษัทครั้งที่ 3 หรือ JAS-W3 มีกำหนดการใช้สิทธิในวันที่ 31 มี.ค.2563 ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนหุ้นของบริษัท ภายหลังวันที่ 31 มี.ค.63 เพิ่มขึ้น ในการนี้ บริษัทจึงยังไม่สามารถกำหนดจำนวนที่แน่นอนของอัตราเงินปันผลจ่ายต่อหุ้นได้ ซึ่งบริษัทจะทราบจำนวนหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในจำนวนที่แน่นอนแล้วภายหลังวันที่ 31 มี.ค.63 จึงขอให้ผู้ลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เพราะอัตราเงินปันผลจ่ายยังมีความไม่แน่นอน 






 


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X