#HMPRO #ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคไปทำจุดสูงสุดที่ 1,410 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1,400 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นอยู่ระหว่างการปรับฐาน โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,385 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 1,350-1,355

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ HMPRO หรือ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร

ผลประกอบการปี 66 มีกำไรสุทธิ 6,441 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.49 บาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 65 มีกำไรสุทธิ 6,217 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.47 บาท

นายวีรพันธ์  อังสุมาลี  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยในงานแถลงยุทธศาสตร์ 5 ปี ว่า บริษัท วางเป้าหมายยอดขายในช่วง 5 ปี (67-71) เติบโตแตะระดับ 100,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 66 ที่คาดว่าอยู่ระดับ 68,000 ล้านบาท มาจากการขยายสาขาซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปี มีสาขา 170 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาทั้งไทยและในมาเลเซียรวม 130สาขา รวมถึงยอดขายจากช่องทางออนไลน์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่ม เช่น กลุ่มเฮลธ์แคร์

บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี ประมาณ 20,000 - 30,000 ล้านบาท นอกจากใช้ลงทุนขยายสาขา บริษัทยังใช้พัฒนาระบบเทคโนโลยี-AI , วางระบบโครงสร้างพื้นฐาน , เพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีกกว่า 100,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันมีพื้นที่คลัง-ศูนย์กระจายสินค้า 373,795ตารางเมตร เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

สำหรับทิศทางการเติบโตในปี 67 บริษัท วางเป้าหมายการเติบโตในระดับเดียวกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ซึ่งล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดจีดีพีปี 67เติบโต 2.8% โดยมีแผนขยายสาขาขนาดใหญ่อีก 6 - 8 สาขา จากปัจจุบันมีสาขา 3 รูปแบบ ได้แก่ HomePro มีสัดส่วนรายได้ 81%, MEGA HOME สัดส่วนรายได้ 17-18% และไฮบริด ซึ่งเป็นรูปแบบ HomePro + MEGA HOME ยังมีสัดส่วนรายได้น้อย โดยมี 2 สาขาที่ จ.ขอนแก่นและภูเก็ต และปีนี้จะขยายอีก 2-3 แห่ง ส่วนสาขาในประเทศมาเลเซีย มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1%ปัจจุบันมี 7 สาขา

นายรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์ และ ความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2-3% ซึ่งจะเติบโตอิงไปกับจีดีพีไทย โดยในช่วง 2 เดือนของปีนี้ยอดขายยังเติบโตเล็กน้อย และ อยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทคาดไว้ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนมาจาก Easy e-Receipt

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อาจกดดันยอดขายของบริษัทยังมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และ กำลังซื้อยังไม่กลับมา แต่เชื่อว่า ในครึ่งปีหลังยอดขายจะเติบโตได้ดีกว่าในครึ่งปีแรก

สำหรับงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ 6,000-8,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายสาขา โดยจะมีการเปิดสาขาใหม่ทั้งในส่วนโฮมโปร และ เมกาโฮม รวม 7-8 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีสาขารวมในปี 67 อยู่ที่ 135 -136 สาขาโดยส่วนใหญ่จะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดของบริษัท

ในไตรมาส 1/67 จะเปิดเมกาโฮม 1 สาขา ที่อุดรธานี ไตรมาส 2/67 เปิดโฮมโปร 1 สาขา ไตรมาส 3/67 เปิดโฮมโปร 1 สาขา และ เปิดเมกาโฮม 2 สาขา และ ไตรมาส 4/67 เปิดโฮมโปร 1-2 สาขา และ เปิดเมกาโฮม 1 สาขา ซึ่งการเปิดสาขาจะใช้เวลา 2-3 ปีในการคืนทุนได้

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงระยะยาว หลังจากปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 12.00-12.20 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณสิ้นสุดแนวโน้มขาลงระยะยาว

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=