#How to ลงทุน by MFC - Private Credit Fund คือ การลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่ระดมเงินจากนักลงทุนไปปล่อยกู้โดยตรง (Direct Lending ) ให้กับบริษัทเอกชนคุณภาพดี และส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Senior Secured Debt) โดยกองทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยส่งผ่านไปยังนักลงทุน 

ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของ Private Credit จะเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว บวกกับอัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่มเพื่อชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิต (Floating Rate + Spread) และสามารถกำหนดเงื่อนไขหลักประกันเฉพาะสำหรับดีลนั้น ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ลงทุน

ในปี 2566 มูลค่าตลาดของ Private Credit มีขนาดใหญ่ถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี 2571 มีโอกาสเติบโตถึง 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนส่วนบุคคลให้ความสนใจสินทรัพย์ประเภทนี้มากขึ้น

ทำไม Private Credit Fund ถึงน่าสนใจลงทุนในตอนนี้ ?

1.) ผลตอบแทนสูง : จากข้อมูลผลตอบแทนของ Cliffwater Direct Lending Index (CDLI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ติดตามผลการดำเนินงานของการลงทุนใน Private Credit ตั้งแต่ปี 2550-2565 บ่งชี้ว่าการลงทุนใน Private Credit ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 9%-10% ต่อปี ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 

ซึ่งใกล้เคียงกับการลงทุนให้หุ้นสามัญ แต่มีความผันผวนน้อยกว่า และให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกู้ High Yield เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

2.) ช่วยกระจายความเสี่ยง : การลงทุนใน Private Credit เป็นสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดความผันผวนให้แก่พอร์ตการลงทุนได้ นอกจากนี้ อัตราการสูญเสีย (loss rates) เมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ High Yield

อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนใน Private Credit ที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่องที่ต่ำกว่าตราสารทั่วไปที่ซื้อขายในตลาด รวมถึงความเสี่ยงด้านเครดิต และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ เพื่อแลกมากับผลตอบแทนที่สูงขึ้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงเงื่อนไข ข้อจำกัดต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน

คอลัมน์: How to ลงทุน by MFC

ไชยวัฒน์ คมโสภาพงศ์ CFP®

ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลยุทธ์การลงทุน

บลจ.เอ็มเอฟซี