2 โบรกมองหุ้น LH

#LH #ทันหุ้น – บล.เอเซียพลัส : ภาพ 1Q67 และต่อเนื่อง 2Q67 ยังไม่เด่น

บล.เอเซียพลัส มีมุมมองเป็นกลางหุ้น LH คาดการณ์ผลประกอบการ 1Q67 คาดกำไรปกติ 1.35 พันล้านบาท ลดลง 8% YoY จากอสังหาฯ เพื่อขายยังไม่ดี รวมถึงส่วนแบ่งกำไรลดลง และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม เช่นเดียวกับในเชิง QoQ คาดกำไรอ่อนตัว 17% จากงวดก่อน นอกจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายภาษีที่ 1067 กลับมาเสียปกติ เทียบกับงวดก่อนมีเครดิตบวกทางภาษี

จากแนวโน้มกำไร 1Q67 และต่อเนื่องจาก 2Q67 ยังไม่เด่น ทำให้ราคาหุ้นขาดปัจจัยขับเคลื่อนระยะสั้น ขณะที่ LH เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ไม่ได้ประโยชน์มากนัก จากมาตรการอสังหาฯ ภาครัฐ เนื่องจากพอร์ตสินค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบ้านระดับบน

บล.เอเซียพลัสจึงปรับลดคำแนะนำเป็น NEUTRAL โดยต้องรอดูทิศทางยอดขายและโอนฯ 2Q67 อีกครั้ง หากเห็นสัญญาณดีขึ้น ค่อยเข้ามาลงทุนใหม่ รอรับแนวโน้ม 2H67 ที่จะดีกว่า 1H67 หนุนจากเปิดแนวราบใหม่และขาย TERMINAL 21 พัทยา เข้า LHSC

คาดกำไรปกติ 1Q67 ลดลง 8% yoy และ 17% qoq

งวด 1Q67 คาดกำไรปกติ 1.35 พันล้านบาท ลดลง 8% yoy เหตุจากส่วนแบ่งกำไรบริษัท (คิดเป็นสัดส่วน 59% ของกำไรปกติ อ่อนตัว 5.9% yoy อยู่ที่ 798 ล้านบาท จากการดำเนินงานที่ลดลงของ LHFG และ QH เป็นหลัก รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจาก 288 ล้านบาท งวดปีก่อน มาอยู่ที่ 490 ล้านบาท ตามภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยจ่ายและทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยที่ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่รายได้ดำเนินงานคาดเพิ่มเล็กน้อย 1.3%yoy เท่ากับ 6.8 พันล้านบาท หนุนหลักจากรายได้ธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า (สัดส่วนรายได้ 32%) เติบโต 14.4% yoy จากเข้าสู่ Peak Season ท่องเที่ยว เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรมและศูนย์การค้ารวมถึงการสร้างรายได้เพิ่มจากเปิดโรงแรมใหม่ Grand Centre Point สุรวงศ์ (เปิดปลาย พ.ย. 2566) เข้ามาช่วยลดผลกระทบจากธุรกิจอสังหาเพื่อขายที่ยังไม่ดีมากนัก

แม้คาด Presale เพิ่มขึ้น 18.8% yoy อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาทจากกลุ่มแนวราบ 4.9 พันล้านบาท (+9% yoy) และ คอนโดฯ 800 ล้านบาท (+154% yoy) ส่วนหนึ่งจากการขายต่อเนื่องของคอนโดฯ เปิดใหม่ปีก่อนอย่าง วันเวลา ณ เจ้าพระยา ราว 570 ล้านบาท และแนวราบจากโครงการใหม่ นันทวัน บางนา กม.15 (มูลค่า 6.5 พันล้านบาท ยอดจองเฉลี่ย 12% หรือ 16 ยูนิต มูลค่า 800-900 ล้านบาท) แต่เนื่องจากเป็นบ้านเดี่ยวระดับบนที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างและโอนฯ ทำให้ไม่สามารถโอนฯ ทันได้หมดในไตรมาสเดียวกัน (คาดโอนฯ เพียง 2 หลัง) ส่งผลให้การรับรู้รายได้ขายอสังหาฯ (สัดส่วนรายได้ 68%) คาด 4.65 พันล้านบาท ลดลง 3.8% yoy ส่วน Gross Margin ขายฯ ประเมินทรงตัว 28.9%

หากเทียบกำไรปกติ 1Q67 กับ 4Q66 คาดลดลง 17% qoq นอกจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดลดลง 4% qoq จากบริษัทร่วม QH และ HMPRO เป็นหลัก ยังเกิดจากความต่างของค่าใช้จ่ายภาษี ซึ่ง 1Q67 จะรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายตามปกติในระดับ 150 ล้านบาท (คิดเป็น Effective Tax Rate 10%) เทียบกับ 4Q66 ที่มีเครดิตกลับรายการภาษีเป็นบวก 189 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของสินทรัพย์ภาษีงินได้รอตัดบัญชี (Deferred Tax Asset) จากสินทรัพย์ในสหรัฐฯ ด้านรายได้ดำเนินงานคาดเพิ่ม 1%q๐q จากอสังหาฯ เพื่อเช่าป็นหลัก ส่วนอสังหาฯ เพื่อขายคาดทรงตัว qoq

แนวโน้ม 2Q67 ยังดูทรง...ให้น้ำหนักไปยัง 2H67

แม้ 2Q67 จะเจอวันหยุดยาวในเดือน เม.ย. และการเปิดโครงการใหม่มีน้อยเพียง 1 โครงการแนวราบ มูลค่า 1.68 พันล้านบาท แต่การโอนฯ มากขึ้นของ Backlog คงค้างโครงการเปิดใหม่อย่าง นันทวัน บางนา กม. 15 คาดช่วยพยุง 2Q67 ใกล้เคียงงวดก่อน (ดยต้องติดตามแนวโน้มยอดขายเดือน พ.ค. และ มิ.ย. หากทำได้ดี มีโอกาสดีกว่า 1Q67 ได้เช่นกัน) ก่อนปรับตัวดีขึ้น 2H67 นอกจากแรงหนุนปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคคาดหวังฟื้นตัว และดอกเบี้ยไทยลดลงแล้ว ในเชิงบริษัทยังมีการเปิดโครงการแนวราบใหม่มากขึ้น 8 โครงการ มูลค่า 1.95 หมื่นล้านบาท (เทียบกับ 1H67 เปิด 1.07 หมื่นล้านบาท), การดำเนินงานดีต่อเนื่องของอสังหาฯ เพื่อเช่า ทั้งโรงแรมและศูนย์การค้าเดิม ตลอดจนการสร้างรายได้เต็มปีของโรงแรมใหม่ Grand Centre Point สุรวงศ์ นอกจากนี้แผนการขายสิทธิการเช่าศูนย์การค้า Terminal 21 พัทยา มูลค่าไม่เกิน 5.7 พันล้านบาท เข้ากอง LHSC ใน 4Q67 จะเข้ามาช่วยหนุนต่อกำไรสุทธีอีกทาง (เบื้องต้นประเมินกำไรพิเศษไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท)

ลดเป็น NEUTRAL...ขาดปัจจัยขับเคลื่อนระยะสั้น

ภายใต้ประมาณการเดิม และ FV ปี 2567 ที่ 10.00 บาท (อิง SOTP) แม้ราคาหุ้นมี upside แต่ด้วยแนวโน้มกำไร 1Q67 และต่อเนื่องจาก 2Q67 ยังไม่สดใส ทำให้ราคาหุ้นขาดปัจจัยขับเคลื่อนระยะสั้น ขณะที่ LH ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ไม่ได้ประโยชน์มากนัก จากมาตรการอสังหาฯ ของภาครัฐ เนื่องจากพอร์ตสินค้าส่วนใหญ่มากกว่า 80% อยู่ในกลุ่มบ้านระดับบน จึงปรับลดคำแนะนำเป็น Neutral โดยต้องรอดูทิศทางยอดขายและโอนฯ 2Q67 อีกครั้ง หากเห็นสัญญาณดีขึ้น ค่อยเข้ามาลงทุนรอบใหม่ เพื่อรอรับแนวโน้ม 2H67 ที่จะดีกว่า 1H67 ตามเหตุผลข้างต้น

ประเด็นความเสี่ยง

1.ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้แก่ความเชื่อมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ก็จะกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินซื้อโครงการ ส่งผลให้ยอดขายและยอดโอนไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้

2.ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้การควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทำกำไรทำได้ยากขึ้น

บล.ฟิลลิป : อสังหาฯอ่อนตัว ราคาหุ้นมี Up side เยอะ Block Trade

บล.ฟิลลิปคาด 1Q67 กำไรปกติอ่อนตัว y-y ตามตลาดอสังหาฯที่อ่อนตัว แต่ดีขึ้น q-q จาก SG&A ที่ลดลง หากมองกำไรสุทธิจะเห็นการอ่อนตัว q-q ไปด้วย เนื่องจาก 4Q67 มีกำไรพิเศษเข้ามาช่วย ภาพตลาดที่อ่อนตัวทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมากตาม ทำให้ยังมี up side อยู่มาก

1Q67 ตลาดอสังหาฯอ่อนตัว : คาด Presale ราว 5.6 -5.7 พันลบ. ดีขึ้น y-y จากที่เน้นเปิดโครงการเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1H67 โฮไลท์โครงการ นันทวัน บางนา-กม.15 เปิดปลาย 1Q67 การขายเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าจะโอนได้ใน 2Q67 แต่ภาพรวมถือว่ายังไม่กลับมาเป็นปกติจากตลาดอสังหาฯยังอ่อนตัว ทำให้คาดรายได้อสังหาฯทรงตัว (-9 รายได้โรงแรมทรงตัว q-q ได้ประโยชน์จากช่วงเทศกาลตรุษจีน อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว q-q จากระดับรายได้รวมที่ทรงตัวทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยอยู่ในระดับเดิม แต่มี SG&A ลดลงจากช่วงสิ้นปีที่มีการตั้งค่าใช้จ่ายคงค้างทางบัญชีเป็นปกติ ช่วยดันกำไรปกติให้ดีขึ้นที่ 1,314.2 ลบ. +16.4% q-q แต่ -10.7% y-y ตามภาพตลาดอสังหาฯที่ยังอ่อนตัว แต่หากมองกำไรสุทธิจะเห็นการอ่อนตัว q-q ไปด้วย เนื่องจาก 4Q67 มีกำไรพิเศษเข้ามาช่วย ทางฝ่ายฯปรับกำไรปี 67 ลง 7.6% และใช้ PE ที่ 14.5 เท่า ให้สอดคล้องกับภาพตลาด ปรับราคาพื้นฐานลงที่ 8.70 บาท ราคาหุ้นยังมี up side อยู่มาก คงคำแนะนำ "ซื้อ"