22 เมษายน 2024 เวลา 06:40 น.
- วันจันทร์ : ติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (Loan Prime Rate) ระยะ 1 ปี และ 5 ปี จากธนาคารกลางจีน โดยตลาดคาดว่าจะคงไว้ที่ระดับเดิมที่ 3.45% และ 3.95% ตามลำดับ
วันอังคาร : ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ ในเดือนมี.ค. โดยตลาดคาดที่ 673,000 ยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 662,000 ยูนิต
วันพุธ : ติดตามดัชนี Business Climate ของเยอรมนีในเดือนเม.ย. จากสถาบัน Ifo โดยตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 89 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 87.8 จุด พร้อมทั้งติดตามตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนของสหรัฐ ในเดือนมี.ค. โดยตลาดคาดว่าจะออกมาขยายตัวที่ 2.8% MoM จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.4% MoM
วันพฤหัสบดี :ติดตามการรายงานตัวเลข GDP ของสหรัฐ ในไตรมาส 1 โดยตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 2.1% QoQ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.4% QoQ
วันศุกร์ : ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบเดิมที่ 0 - 0.1% ต่อด้วยการรายงานดัชนี Core PCE ของสหรัฐ ในเดือนมี.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาใกล้เคียงเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% YoY โดยคาดว่าเป็นผลมาจากราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดขยับคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกออกไป
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย : KS เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,320-1,360 จุด ปัจจัยต่างประเทศถูกกดดันความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน และความเห็นของประธานเฟด ที่เริ่มไม่แน่ใจในการลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้น ยังคงมุมมอง Higher for Longer อีกครั้ง ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool มองเฟด ลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้เหลือ 1 ครั้งในเดือน ก.ย. สำหรับปัจจัยภายในประเทศอยู่ในช่วงรายงานผลประกอบการ นำโดยกลุ่มธนาคาร โดย TISCO กำไรไตรมาส 1 ออกมาตามคาด ส่วน BBL รายงานกำไรต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 15% จากการตั้ง ECL ที่สูงกว่าคาด มุมมองตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวออกด้านข้างเชิงลบ หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด เป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยง และ Sell on Fact หลังงบออก ส่วนนักวิเคราะห์ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปี 2024 เริ่มปรับเพิ่มขึ้นที่ 93.06 (0.37% WoW) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2.72%
ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,320 – 1,360 จุด ปัจจัยต่างประเทศถูกกดดันจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อิสราเอล-อิหร่าน คาดเฟดลดดอกเบี้ยเหลือ 1 ครั้งปีนี้ เดือน ก.ย. ปัจจัยภายในประเทศคาดแรงขายลดความเสี่ยง และ Sell on Fact หลังงบออก นักวิเคราะห์เริ่มปรับกำไรตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นที่ 93.06
PTTEP : ราคาพื้นฐานที่ 180 บาท
เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รายงาน ABC News แจ้งว่าอิสราเอลได้ยิงจรวดนำวิถีเข้าไปในอิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนด์ปรับเพิ่มขึ้นสูงระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง และหากสถานการณ์แย่ลง เช่น ช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากการขนส่งน้ำมันดิบ 20% ของโลกผ่านช่องแคบนี้ และทุกๆ การเพิ่มขึ้น/ลดลง ราคาน้ำมันดิบ 1 ดอลลาร์ จะส่งผลให้ราคาหุ้น PTTEP ปรับเพิ่มขึ้น/ลดลง ประมาณ 1 บาท
WHA : ราคาพื้นฐานที่ 5.70 บาท
ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการ Relocation ในภาพรวมนอกจากผลประกอบการที่คาดจะออกมาดีในไตรมาส 1/2567 เราคาดกำไรปี 2567 จะออกมาทำจุดสูงสุดใหม่ โดยนอกจากพื้นฐานของไทยและเวียดนามที่เป็นจุดสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ได้แล้ว ทั้งทำเลที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รวมถึงมีแรงงานและระบบสาธารณูปโภคที่ดีและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แรงสนับสนุนจากภาครัฐที่ชัดเจนทั้งมาตรการด้านภาษีและไม่เกี่ยวกับภาษีจะเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญต่อแนวโน้มผลประกอบการของ WHA ได้
KS Research
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม