#หุ้นไฟแนนซ์#ทันหุ้น –หุ้นไฟแนนซ์คึก รับดอกเบี้ย-บอนด์ยิลด์ขาลง บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เชื่อมีการปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุน เหตุผ่านจุดตั้งสำรองสูงไปแล้ว ชู TIDLOR- MTC ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะเก็งกำไรระยะสั้น ตามทิศทางบอนด์ยิลด์ เหตุมีความเสี่ยงคุณภาพสินเชื่อ คาดกนง.ปีนี้ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง เริ่ม มิ.ย.67

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์กลับมาคึกคักจากสัญญาณอัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับตัวลดลงโดยเฉพาะของสหรัฐที่ไปยืนอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว มีแนวโน้มความชัดเจนมากขึ้นว่าจะมีการปรับตัวลงในปีนี้ รวมถึงหุ้นกลุ่มนี้ผ่านจุดที่ตั้งสำรองสูงสุดไปแล้ว จึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในวันที่ตลาดมั่นใจมากขึ้นที่ดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลง

ดังนั้นเชื่อว่าจากนี้ก็จะเห็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์มากขึ้น เพราะ มองว่าผ่านจุดของการตั้งสำรองที่สูงไปแล้ว และมีความเสี่ยงที่จะต้องสำรองอีกไม่มาก โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำจะเป็น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR และบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) MTC เพราะมีการตั้งสำรองที่ค่อนข้างสูงไปแล้ว ทำให้ความเสี่ยงการตั้งสำรองน้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม รวมถึงมีการฟื้นตัวที่ดี ส่วนหุ้นตัวอื่นในกลุ่มที่นักลงทุนยังไม่มั่นใจในการตั้งสำรองอาจจะมีการฟื้นตัวช้า

“กลุ่มไฟแนนซ์มีปัจจัยกดดันเรื่องหนี้เสียและการตั้งสำรอง แต่จากที่ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายโดยเฉพาะของสหรัฐ มีความชัดเจนมากขึ้นที่จะปรับตัวลดลง ทำให้มีแรงซื้อจากคนที่สามารรับความเสี่ยงได้ จากการตั้งสำรองผ่านจุดสูงไปแล้ว”

@แนะเก็งกำไรระยะสั้น

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ เพราะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาจากเฟดมีความชัดเจนที่จะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้บอนด์ยิลด์ปรับตัวลดลง ส่วนดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่ากนง.จะมีการปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับเฟดที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนดังกล่าว  ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์จากต้นทุนการเงินที่จะปรับตัวลง

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์นั้น ส่วนตัวแนะนำเพียงเก็งกำไรระยะสั้นตามการเคลื่อนไหวของบอนด์ยิลด์ที่ปรับตัวลดลง เพราะภาพระยะกลางและระยะยาวยังมีความเสี่ยง จากที่ต้นทุนการเงินยังคงสูงอยู่แล้วจะผ่านจุดสูงสุดแล้ว และการได้รับผลดีจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงยังไม่มากในปีนี้ รวมถึงมีความเสี่ยงในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์แย่ลงตามภาวะเศรษฐกิจ และการแข่งขันธุรกิจนี้ที่ยังสูง

MTC-TIDLOR เด่น

ด้านบล.เอเซียพลัส ระบุ  แม้เฟดคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด และมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยลงปีนี้อยู่ที่ 3 ครั้ง ซึ่งถือว่ามีความชัดเจนขึ้น  โดยฝ่ายวิจัยคงยืนยันสัญญาณการเปลี่ยนผ่านของวัฎจักรอัตราดอกเบี้ยจากขาขึ้นสู่ขาลงทั่วโลก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ฝ่ายวิจัยประเมินการกลับทิศของอัตราดอกเบี้ยไทย จะเริ่มต้นตั้งแต่กลางปี 2567 และลด 1ครั้ง 0.25%ในปีนี้ส่วนระยะถัดไป หากหลังเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนแล้ว เศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจกลับสู่ระดับ 1.75% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเดียวกับต้นปี 2562

ส่วนกลุ่มจำนำทะเบียนรถ ซึ่งได้ประโยชน์จากวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง ชอบ MTC ให้ราคาเหมาะสมที่ 51 บาท จากการควบคุม NPL ทำได้ดีต่อเนื่อง 3 ไตรมาส ตามด้วย TIDLOR ให้ราคาเหมาะสมที่ 26 บาท  จากระดับ Coverage ratio สูงสุดในกลุ่มฯ  ต่อมาSAWAD  ให้ราคาเหมาะสมที่ 42.5 บาท

ทั้งนี้ สำนักข่าว ซีเอ็นบีซี รายงานว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่า ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งจะไม่เป็นปัจจัยขัดขวางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแม้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเฟดที่ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจำนวน 3 ครั้งในปี 2567 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค. 2566

นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดยังคงมีความตั้งใจที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว และหากเศรษฐกิจมีพัฒนาการตามที่คาดการณ์ไว้เป็นวงกว้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้