#BCPG #ทันหุ้น - BCPG รับรู้รายได้ตามสัดส่วนเงินลงทุนโรงไฟฟ้าที่สหรัฐอเมริกา, การขายไฟจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวให้เวียดนาม และโครงการโซลาร์ในไทยที่จะเริ่มรับรู้รายได้ราวไตรมาส 2/2567 หนุนอีบิทดาทั้งปี 2567 โต 30% YoY กำงบ 1.4 หมื่นล้านบาทลุยลงทุนโครงการในพอร์ต และเตรียมมองหาการเติบโตใหม่ทั้งในสหรัฐและฟิลิปปินส์

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 2567 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย อัตราภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จะเติบโตราว 30% เมื่อเทียบกับปี 2566 (YoY) เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จาก 1.การรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในสหรัฐทั้ง 4โครงการ กําลังการผลิตรวม 857 เมกะวัตต์ (MWe) ซึ่งเริ่มทยอยซื้อหุ้นแล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 4/2566  2.การรับรู้รายได้ค่าเช่าคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือเข้ามาเต็มปี

ประกอบกับโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว (Nam San 3A-3B) กำลังการผลิตรวม 114เมกะวัตต์ สามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยังการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Vietnam Electricity - EVN) ได้เต็มปี 2567 โดยคาดว่าปี 2567นี้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำดังกล่าวจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ดีขึ้น

เก็บเกี่ยวลงทุนหนุนโต

สำหรับความคืบหน้าการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โครงการโซลาร์ฟาร์ม) ทั้งหมด 4 โครงการ ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 12.95 เมกะวัตต์ คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1/2567เช่นเดียวกับการดำเนินการซื้อขายหุ้นโรงไฟฟ้ากลุ่ม Solar ประเทศญี่ปุ่น กําลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ 89.9 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้จากการขาย เข้ามาราวไตรมาส 2/2567 เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีปัจจัยกดรายได้จาก Adder โครงการพลังงานทดแทนของบริษัทในประเทศไทยรวม 6โครงการกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อ-ขายรวม 53เมกะวัตต์จะสิ้นสุดลงในช่วงเดือนเมษายน 2567 นี้ โดยเมื่อปี 2566 บริษัทมี Adder ของโครงการพลังงานทดแทนกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อ*ขายรวม 16เมกะวัตต์ที่สิ้นสุดลง

“บริษัทคาดว่ารายได้จากโครงการลงทุนใหม่ๆ รวมถึงการกลับมาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว ที่จะขายไปยังเวียดนามจะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งปี 2567ให้ทรงตัวเท่ากับรายได้ที่บริษัทจำหน่ายไฟรวมค่า Adder ได้ โดยโครงการเหล่านี้ล้วนเป็นโครงการที่จะทำให้กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายของบริษัทเร่งตัวขึ้น”

ทุ่ม 1.4 หมื่นล.ลุยต่างแดน

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุนทั้งปี 2567 ไว้ราว 1.4 หมื่นล้านบาท โดยกว่า 60% หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน อาทิ 1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่สปป.ลาว กำลังการผลิตติดตั้งเชิงพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 600 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิต ตามสัดส่วนการถือหุ้นของ BCPG ทั้งสิ้น 300 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จ และเริ่มเดินเครื่องจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปี 2568 รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุนระยะที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้งรวมราว 1,000เมกะวัตต์เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

2.โครงการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศฟิลิปปินส์กำลังการผลิตติดตั้งรวม 13 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอย COD ในปี 2567 ราว 6 เมกะวัตต์ และในปี 2568 อีกราว 6 เมกะวัตต์ และ 3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา 4โครงการ

เล็งทำ M&A ต่อเนื่อง

สำหรับงบประมาณอีกราว 40% หรือ ประมาณ 6,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่โดยจะมุ่งเน้นโครงการพลังงานทดแทนในต่างประเทศ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์การดำเนินงานอยู่แล้ว

 “บริษัทมุ่งเพิ่มปริมาณเมกะวัตต์มากกว่าที่จะมุ่งปริมาณโครงการ โดยยังคงมุ่งเน้นพลังงานทดแทน อาทิโครงการโซลาร์ ในสหรัฐอเมริกาที่ยังมีโอกาสเติบโตสูงมาก  รวมถึงโครงการพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งประกาศให้มีการประมูลเข้าลงทุนรวม 10 กิกกะวัตต์ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการเข้าประมูลร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น”

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1