> SET > TIDLOR

21 มีนาคม 2024 เวลา 09:28 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นกลับเข้าหาแนวต้าน 1,380+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสหลังจากผลกาปรระชุม FED ออกมาในโทนที่ค่อนไปในทาง Dovish หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง โดย Bond Yield 2 สหรัฐฯที่สะท้อนอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงราว 12 bps สู่ระดับ 4.6% ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่า และราคาทองคำและ S&P500 พุ่งทำ New High ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อประมาณการ GDP สหรัฐฯที่ถูกปรับขึ้น ขณะที่การลดดอกเบี้ยของ FED จาก Dot Plot ใหม่ยังอยู่ที่ 3 ครั้งในปีนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวลง ค่าเงินบาทพลิกมาแข็งค่า โดยรวมเป็นบวกต่อกลุ่ม ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า สายการบิน เป็นต้น 


ส่วนปัจจัยในประเทศยังอยู่ที่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2567 ของสภาผู้แทนฯสัปดาห์นี้ และตามแผนจะถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯวันที่ 3 เม.ย. เราเชื่อว่าจะหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและทำให้โมเมนตัมของการลงทุนภาครัฐให้เร่งตัวขึ้นหลังติดลบแรงในไตรมาสก่อนๆ หนุน GDP เร่งตัวใน 2Q24 เป็นต้นไป โดยรวมเราเชื่อว่า SET Index มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามกำไรบจ.และ GDP 4Q23 ที่ประกาศออกมา เราคาดดัชนีมีโอกาสทยอยฟื้นตัวใน 2Q24 โดยมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,450 จุด


กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.:  BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio :  AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR


หุ้นเด่นวันนี้ : TIDLOR

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท

• บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้ในเชิงระมัดระวังเติบโต 10-20% y-y ส่วน NPL คาดที่ 1.4-1.8%, Credit cost ที่ 3.29% และ cost to income ratio ที่ 55% ซึ่งส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา 

• เราคาดกำไรปี 2024-25 ที่ 4.67 พันลบ. และ 5.55 พันลบ.+19% y-y ต่อปี ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีจากฐานที่ต่ำในปีก่อนที่มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ส่วนระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกจากผลการประชุม FED ที่ออกมาค่อนไปทาง Dovish และตลาดฯเริ่มคาดหวังมากขึ้นว่ากนง.จะลดดอกเบี้ยใน 2Q24

• แนวรับ 22//21.50 บาท แนวต้าน 23//23.40 บาท


**บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ ผันผวนต่อ ผลประชุม FOMC คงดอกเบี้ยตามตลาดคาด สัญญาณจาก Fed  ยังไม่ชัดเจนนักว่าจะลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ได้หรือไม่  และ Dot plot ยังคงการลดดอกเบี้ยปีนี้และปีหน้า ไว้ที่ 3 ครั้ง กล่าวคือ ไม่มี surprise  ...  ตลาดหุ้นตีความในเชิงบวก จากการปรับ GDP ปีนี้จาก 1.4% เป็น 2.1% หุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจ+หุ้น Tech  ....  เราประเมินว่าตลาดหุ้นเอเซียจะสูงขึ้นตามสหรัฐฯ เพราะผ่านการประชุมมาแล้ว (และอีกนานกว่าจะถึงเดือน พ.ค.) นักลงทุนจึงกลับเข้ามาซื้อหุ้น


• ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่น +1% เงินเยนอ่อนค่า(150 เยน/ดอลล่าร์) หนุนตลาด  ตลาด(หุ้น+พันธบัตร+Forex) ของญี่ปุ่นยังต้องใช้เวลาอีก 1-2 วันในการปรับตัวกับนโยบายใหม่ ….. เราคาดว่าการปรับนโยบายการเงินของญี่ปุ่น จะทำให้ Fund Flow บางส่วนไหลออกจากญี่ปุ่นมายังตลาดอื่นๆในภูมิภาคนี้มากขึ้น น่าจะเห็นผลสัปดาห์หน้า


• ศาลรัฐธรรมนยังไม่พิจารณาคำร้อง กกต.ยุบ "ก้าวไกล" สั่งขอเอกสารเพิ่มใน 7 วัน .... ตลาดหุ้นอาจไม่ให้น้ำหนักในเรื่องนี้มาก เนื่องจากเป็นพรรคฝ่ายค้าน และ สส.สามารถย้ายพรรคได้


• ราคาน้ำมันดิบเริ่มอ่อนตัวลง (Brent $86 เหรียญ ; สูงสุด $87.7) อาจเป็นลบต่อตลาด เราะน้ำหนักของหุ้นในกลุ่มน้ำมันค่อนข้างสูง


• วานนี้(20) ตัวเลข net sell ของนักลงทุนต่างประเทศ ส่วนใหญ่มาจากการทำ biglot ของหุ้น AWC ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เป็นวันที่สองติดต่อกัน(น่าจะจบแค่นี้)  จึงไม่มีผลต่อภาพรวมของตลาดหุ้น


• ตัวเลขเศรษฐกิจและ Event วันนี้  :  KBANK นำเสนอ “outlook of global economy”  หุ้น 3 ตัว (ADVANC, AMATA, PTT) มี Present ต่อนักลงทุน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ จะมีการรายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสองและตัวเลขเคลมการว่างงานของสหรัฐฯ


Strategy

• ตลาดมีแนวโน้มที่จะออกมาทางบวก หลังผ่านการประชุม FOMC มาแล้ว แต่กลยุทธ์ลงทุนวันนี้ เรายังให้เป็น wait & see ต่อไป เพราะวานนี้แรงขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทย อาจกดดันตลาดต่อในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เราให้ selective buy ในหุ้นบางตัว (วันนี้ มีหุ้นมาให้เลือกเพิ่มอีก 4 ตัว) 


• แผนการเทรด หรือ จุด check point  ของดัชนีฯ  ขาขึ้น 2 จุด (1396 และ 1404 จุด) ส่วนขาลง  3 จุด (1380 , 1376, 1362 จุด)


• Theme หลัก สำหรับการถือหุ้น 1-3 เดือน ยังตามนี้ คือ มี 3 theme ปันผลสูง-หุ้นชั้นดี-หุ้นราคาลงมาลึก  โดยหุ้นเด่นที่สุดของแต่ละ theme  คือ SCB-WHA-KCE


• การ rotate หุ้น เพื่อรับกับการดีดตัวกลับครั้งต่อไปของตลาด เรายังคง list เดิม ไว้ ทั้ง 6 ตัว คือ CRC, BH, AWC , SISB, TKN , BGRIM


• หุ้นน้ำมัน น่าจะทยอยขายทำกำไรช่วงสั้น ทั้งหุ้นผลิตน้ำมัน(PTTEP) และโรงกลั่นน้ำมัน( TOP, BCP) ส่วนหุ้นปิโตรเคมี ยังมีความเสี่ยงจาก spread ที่ถูกกดดันจากต้นทุน(น้ำมัน) ที่สูง


• เราเริ่มเห็นมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นนอก list ของเรา สำหรับเก็งกำไร วันนี้ เรามีตัวเลือก 3 ตัว  คือ CENTEL, TIDLOR, MTC, TRUE


• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด  หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย SJWD(10%), KCE(10%), WHA(10%)


Technical : SAK, AMATA


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ได้โอกาสฟื้นตัวโดยมีแนวรับ 1,370 แนวต้าน 1,385 หลังเฟดคาดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นบวกต่อ Fund Flow ในตลาดเกิดใหม่ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น SAWAD,MTC,TIDLOR,JMT,GULF,GPSC  


SJWD* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 19.80 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 261 ล้านบาท +87%QoQ, +115%YoY จากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังควบรวม SCGL ส่วนรายได้ธุรกิจ Automotive ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเด่นจากลูกค้ากลุ่ม EV ช่วยชดเชยธุรกิจขนส่งและห้องเย็นที่ลดลงตามฤดูกาล สำหรับแนวโน้ม 1Q67 คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ทั้ง QoQ, YoY เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน ANI และ SWIFT ปี 67 มองโอกาสการเติบโตผ่านการ synergy กับ SCGL และมีเป้าหมายปรับปรุง cost efficiency ให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น ส่วนการเข้าลงทุนใน ANI, SWIFT ช่วยต่อยอดแผนการเติบโตครอบคลุม Air Freight, Cross Border, Health Care, Food Logistics รวมถึงใน 2H67 มีแผนจัดตั้งกอง REIT พื้นที่คลังสินค้าจาก ALPHA (JV SJWD และ ORI) มูลค่า 4 พันล้านบาท ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (+48%YoY) และ 1.47 พันล้านบาท (+22%YoY)


GFPT* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.20 บาท) กำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 410 ลบ. +29%QoQ -9%YoY โดยการดำเนินงานหลัก YoY(ทั้งราคาไก่ลง ตัวเลขส่งออกลง) ยังหดตัว เเต่ภาพ QoQ เเม้ 4Q66 ราคาไก่ไทยจะปรับตัวลดลง แต่มีปัจจัยบวกจากตัวเลขส่งออกที่สูงขึ้นทั้งตัวรายได้ไก่ดิบ และส่วนแบ่งกำไร จาก ไก่ปรุงสุกของ McKey ส่วนแนวโน้ม 1Q67 เบื้องต้นคาดยังมีแรงหนุนจากการส่งออกที่จะดีขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรปจากกความขัดแย้งในทะเลแดง ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ GFPT* จะอยู่ที่ระดับ 1,506 ลบ.(+9.4%YoY) และ 1,652 ลบ.(+9.7%YoY) ตามลำดับ


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X