JASIF รอข้อเสนอที่ดีจากเจ้าหนี้ โบรกแนะนำ “ถือ”

#JASIF #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทยวิเคราะห์หลังจาก JASIF แจ้งผลการดำเนินงานปี 2566 ระบุว่า กำไรปกติไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 1.49 พันลบ. (-32.8% YoY, -23.4% QoQ ตามคาด) และการลดทุนไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 0.16 บาท/หน่วย (อัตราการจ่าย 86.2%, อัตราผลตอบแทนสุทธิ 3.6% ต่อปี)

บล.กสิกรไทยลดราคาเป้าหมายลง 1.5% จาก 6.85 บาท เป็น 6.75 บาท และคาดส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนในปี 2567/68 ที่ 0.649/0.580 บาท (อัตราผลตอบแทนสุทธิ 3.6%/2.6% ต่อปี)

บล.กสิกรไทยแนะนำ "ถือ" สำหรับ JASIF จาก 1) การเจรจาเรื่องเงื่อนไขการกูมที่ดีขึ้นใช้เวลานานกว่าคาด และ 2) overhang จากการต่ออายุสัญญาเช่า การอัดฉีดสินทรัพย์

ประเมิน DPU รวมที่ 9.50 บาท/หน่วย สำหรับระยะเวลาเช่าตั้งแต่เดือนม.ค. 2567 ถึง ธ.ค. 2581 (15 ปี) โดยมี market IRR อยู่ที่ 5.6% (เทียบกับราคาตลาดปัจจุบันที่ 6.20 บาท)

ความเสี่ยงขาลง : 1) ไม่มีการปรับปรุงเงื่อนไขการกู้ยืมจาก BBL และ 2) ADVANC ประกาศขายและเช่าคืนสินทรัพย์ผ่านช่องทางที่ไม่ใช่กองทุน JASIF

ความเสี่ยงขาขึ้น : 1) อัตราผลตอบแทนพันธ์บัตรรัฐบาลลดลงอย่างมากและรวดเร็ว 2) เงื่อนไขการกู้ยืมที่ดีขึ้นจากผู้ให้กู้ และ 3) การอัดฉีดสินทรัพย์

บล.บัวหลวง: กระแสเงินสด 4Q23 ลดลง YoY และ QoQ

JASIF รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 486 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุน YoY และ QoQ โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานใน 4Q23 ทั้งสิ้น 1,486 ล้านบาท ลดลง 33% YoY และ 23%QoQ โดยจะจ่ายเงินปันผลจากการลดทุนให้ผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 1,280 ล้านบาท หรือ 0.16 บาทต่อหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 Feb 2024 และจ่ายปันผลวันที่ 18 Mar 2024)

รายได้ค่าเช่าใน 4Q23 อยู่ที่ 1,835 ล้านบาท ลดลง 29% YoY และ 21%QoQ เนื่องจากผลของการเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าโครงสร้างพื้นฐานระหว่าง JASIF และ TTTBB

มองไปใน 1Q24 บล.บัวหลวงคาดกำไรสุทธิจะปรับลดลง YoY (ค่าเช่าที่ลดลง) และทรงตัว QoQ และคาดว่ากองทุนฯจะจ่ายเงินปันผลทรงตัว QoQ

บล.บัวหลวงยังคงคำแนะนำ "ถือ" ต่อ JASIF ด้วยราคาเป้าหมาย 5.80 บาท จากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2024 ระดับสูงที่ 10%