> SET > NOBLE

19 มกราคม 2024 เวลา 10:15 น.

NOBLEเปิดใหม่7โครงการ หวังรัฐเพิ่มโควตาต่างชาติ


#NOBLE #ทันหุ้น – NOBLE มั่นใจยอดขายลูกค้าต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง หลังสามารถขยายฐานเข้าสู่เมียนมา, ไต้หวัน ปีนี้ลุยเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการรวมมูลค่า 1.43 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้า Pre-sale ทั้งปี 2567 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท และรายได้รวมที่ 1.4 หมื่นล้านบาท วอนรัฐปรับแก้สัดส่วน Foreign Quota และกฎหมายที่จอดรถในคอนโดฯ


นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะยังไม่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง กดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวสูง และสัดส่วนหนี้ครัวเรือที่เร่งตัวแตะราว 80% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) กดดันสภาพคล่องของประชาชนโดยรวม


*เรียลดีมานด์ยังมี

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงเห็นความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย (Real Demand) และกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบระดับ Luxury และคอนโดมิเนียมในเมือง ดังนั้นในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการมูลค่ารวม 14,310 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,710 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงทั้งสิ้น 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,600 ล้านบาท


ทั้งนี้ บริษัทยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธ์ (Inventory) มูลค่ารวมกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดเสร็จภายในปี 2567 อีก 4 โครงการรวมมูลค่ากว่า 1.19 หมื่นล้านบาท กระจายอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ พร้อมกันนี้ บริษัทยังสามารถขยายฐานลูกค้าต่างชาติเข้าสู่ประเทศไต้หวัน, เมียนมา, จีนและฮ่องกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขายใหม่ (Pre-sale) ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท และรายได้ (ยอดโอนกรรมสิทธ์) ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท


"สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 บริษัท เชื่อว่าน่าจะเป็นปีที่ดีขึ้น ด้วยสภาพเศรษฐกิจ ที่ฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับการมีรัฐบาลใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการต่างๆ ได้เต็มปีเป็นปีแรกก็น่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งดอกเบี้ยที่อยู่ในภาวะทรงตัว และมีแนวโน้มลดลงทำให้นักลงทุนกล้าจับจ่ายใช้สอยและกล้าลงทุนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดที่หายไปเป็นกลุ่มของนักลงทุน ขณะที่กลุ่ม Real Demand ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ดังนั้นหลังจากนี้ก็เชื่อว่ากลุ่มนักลงทุนจะกล้าลงทุนมากขึ้นและเพื่อรองรับตลาดอสังหาฯ ที่จะดีขึ้น”


*คาดหวังรัฐปรับเกณฑ์หนุน

นายธงชัย กล่าวแสดงทรรศนะเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ของรัฐบาล ว่าอยากเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับเพิ่มสิทธิที่ชาวต่างชาติได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของห้องชุดโดยมีหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด Foreign Quota ให้ขึ้นมาที่ราว 70- 75% ของพื้นที่ขาย จากปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขาย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขายคอนโดมิเนียมได้มากขึ้น โดยเฉพาะบนทำเลศักยภาพที่เป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ


“ปัจจุบันบางโครงการยังขายไม่หมด แม้ว่าความต้องการมีมากกว่าจำนวนโควตา เพราะติดเกณฑ์ Foreign Quota และกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง ยอดปฏิเสธสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้น ถ้าสามารถปรับเกณฑ์ดังกล่าว หรือแค่ยืดหยุ่นเฉพาะบางทำเล ผู้ประกอบการก็จะสามารถขายหมดได้อีกหลายโครงการ”


พร้อมกันนี้เสนอให้พิจารณาปรับปรุงกฏหมายที่จอดรถในคอนโดที่อยู่เขตพื้นที่กรุงเทพฯ และห้องชุดภายในคอนโดมีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งกำหนดให้มีที่จอดรถ 1 คัน ต่อ 1 ห้อง และคอนโดที่อยู่นอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และห้องชุดภายในคอนโดมีพื้นที่ตั้งแต่ 120 ตร.ม. ขึ้นไป กำหนดให้มีที่จอดรถ 1 คัน โดยให้มีการปรับลดสัดส่วนที่จอดรถลง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มจำนอนห้องต่อโครงการได้มากขึ้น


“ที่จอดรถก็เช่นกัน พิจารณาปรับลดเฉพาะโครงการแนวรถไฟฟ้าก็ได้ เพื่อกระตุ้นให้ประชนใช้รถสาธารณะได้ด้วย การทำโครงการแนวรถไฟฟ้า ลูกค้าเป้าหมายก็ต้องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก เมื่อลดสัดส่วนที่จอดรถลงต่ำกว่า 40% ของพื้นที่ ก็จะเพิ่มจำนวนห้อง ราคาเฉลี่ยต่อห้องก็จะลดลง ฐานลูกค้าเป้าหมายก็กว้างขึ้น ความเสี่ยงต่อโครงการก็ลดลง ไม่ต้องไปแก้ LTV ไม่ต้องลดภาษี แค่ปรับ 2 เกณฑ์นี้ผู้ประกอบการก็จะมีรายได้เพิ่มขั้นทันที”


*เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมองหาการเติบโตโดยการแตกไลน์ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขาย และการเติบโตร่วมกับพันธมิตรเพื่อกระจายรายได้ โดยได้จัดตั้งบริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัดขึ้นเพื่อเข้ามารองรับงานด้านการบริหารนิติบุคคล, ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า, รวมถึงธุรกิจการบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ และตกแต่งภายใน ฯลฯ จาก NOBLE และจะขยายออกไปให้บริการลูกค้าทั่วไปในอนาคต


พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน เช่น ธุรกิจการให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) ในโครงการที่อยู่อาศัย ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger) ธุรกิจบริการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ (Solar Cell) บนหลังคาของโครงการที่อยู่อาศัย ฯลฯ เพื่อสร้างสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในระยะกลาง – ยาว


“สำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่ เซิร์ฟ โซลูชั่น ตั้งเป้าจะสร้างรายได้ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 นี้ และตั้งเป้ารายได้รวมราว 100 ล้านบาทภายใน 3 ปี (2567-2569) เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป”


โดยทิศทางการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2567 มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยในช่วงปีที่ผ่านมา โดยตลอดทั้งปีสามารถกวาดยอดขาย (Pre-sale) ได้กว่า 14,900 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) จำนวน 6,600 ล้านบาท และเป็นยอดขายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 8,300 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัท ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,900 ล้านบาท มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2566 ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า


ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติปันผลระหว่างกาลของผลการ ดำเนินงานงวด 3 เดือนของไตรมาส 3/2566 จำนวน 0.20 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 51.2% โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 มกราคม 2567 และจ่ายเงิน ปันผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 นี้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X