ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 2567 จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าปีนี้ประมาณ 16% ซึ่งจะมีซัพพลายเออร์เข้ามาเพิ่มขึ้นหลายราย โดยบริษัทต้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ที่มีคุณภาพเข้ามารองรับ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทยังมองหาการลงทุนใหม่ที่เป็นอนาคตเกี่ยวกับ เคมี ไบโอเทค เทคโนโลยีต่างๆ และบริษัทยังมองหาการเข้าซื้อกิจการ เรื่องของธุรกิจอาหาร ได้เเก่ อาหารเสริม ส่วนผสมอาหาร เป็นต้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 ปกติจะเติบโตมากกว่าไตรมาสที่ 3/2566 และคาดว่าทั้งปีรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าเร่งเพิ่มรายได้บริษัทในเครือทั้ง บริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จำกัด และ บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศสิงคโปร์ บริษัท JIOS AEROGEL HOLDINGS PTE. LTD. ผู้ผลิตและจำหน่ายฉนวนกันความร้อนแบตเตอรีรถยนต์อีวี (EV) บริษัทได้ซื้อหุ้นเกิน 5% โดยใช้เงินลงทุนราว 74 ล้านบาท โดยเล็งเห็นว่าปัจจุบันรถยนต์อีวีมีการเติบโตค่อนข้างมาก และความปลอดภัยต้องมีในระดับสูง ฉนวนกันความร้อนแบตเตอรี จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตรถยนต์อีวี ซึ่งบริษัทต้องการยอดธุรกิจ และสร้างฐานการเติบโตกับกระแสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และล่าสุดบริษัทได้ลงทุนใน ธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ในประเทศเกาหลี บริษัท ABio materials Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ผลิตสเต็มเซลล์ (Stem Cell) เพิ่มเติมโดยซื้อหุ้นราว 8-9% เพื่อทำธุรกิจความงามในอนาคต
อย่างไรก็ตามในปี 2567 ยังคงมีความเสี่ยงด้านผลกระทบเรื่องสงครามอิสราเอล ยูเครน รัสเซีย รวมถึงปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี โดยเฉพาะแถบอเมริกา และจีน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กดดันเรื่องของการส่งออก เนื่องจากเป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบเกือบ 100%
ทั้งนี้บริษัทมีแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ 1.มีนโยบายชัดเจนในการซื้อขายเงินตราล่วงหน้าและยืดหยุ่นให้ทันต่อเหตุการณ์ 2.ขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกๆ อุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุตสาหกรรมของกลุ่มลูกค้าหลัก 3.ติดตามสถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานของคู่ค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบจากโลจิสติกส์ และการควบคุมการใช้ไฟฟ้าของประเทศจีน ซึ่งอาจทำให้การนำเข้าสินค้าล่าช้ากว่าปกติ 4.กระจายความเสี่ยงและไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับโลกมากขึ้น
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม