#IP #ทันหุ้น – IP จับตาโค้งท้ายผลงานพุ่ง เตรียมรับทรัพย์ผลิตยาจาก “เทวา ฟาร์มา” ราว 50 ล้านบาท ด้านบอสใหญ่ “ตฤณวรรธน์  ธนิตนิธิพันธ์”  ลั่นยาสามัญประจำบ้านขายดี ปักเป้าโกยยอดขาย 60 ล้านบาท  ฟากโบรกแนะ “ซื้อ” เคาะเป้า 16 บาท

ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/2566 แนวโน้มผลประกอบการจะดีกว่าไตรมาส 3/2566 เพราะไตรมาส 4/2566 เงินจากการลงทุนยิงโฆษณาจะลดลง ประกอบกับ บริษัท เทวา ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด จะส่งมอบยาเวชภัณฑ์ในไตรมาส 4/2566 หลังเลื่อนมาจากไตรมาส 3/2566 ที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดยอดขายจากบริษัท เทวา จะอยู่ที่ 40-50 ล้านบาท

** ตั้งเป้ายอด 60 ล.

สำหรับงบลงทุนยิงแอดโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ บริษัทวางไว้ประมาณ 50 ล้านบาท โดยคาดว่าจะช่วยสนับสนุนยอดขายไตรมาส 3/2566 ให้เพิ่มขึ้นและต่อมาในไตรมาส 4/2566 เพราะเป็นสินค้าประเภทยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ปัจจุบันดีมานด์สูง ตามเทรนด์การดูแลสุขภาพ

โดยสินค้ายาสามัญประจำบ้านที่ลงทุนแอดโฆษณามียอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ ตามการลงทุนของบริษัท ยอดขายเฉลี่ยเดือนละ 4-5 ล้านบาทต่อเดือน คาด 12 เดือนจะมียอดขายอยู่ที่ 60 ล้านบาท แต่ไม่ใช่ 60 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ เพราะบริษัทเริ่มขายสินค้าสามัญประจำบ้านในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา หมายความว่า 12 เดือน หรือในไตรมาส 2 ปีหน้า ยอดขายมีแนวโน้มจะถึงเป้าที่ 60 ล้านบาท

ขณะที่ทิศทางธุรกิจปี 2567 บริษัทมองว่าจะเติบโตต่อไปได้ ตามแผนระยะยาวที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้บริษัทมีแผนการเติบโตระยะยาว 2-3 ปีข้างหน้า และมองว่าจะเห็นภาพชัดในช่วงดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างลงทุนธุรกิจ เพื่อสร้างฐานการเติบโตในอนาคต

** ขยายสาขาร้านยา

ขณะเดียวกันบริษัทขยายสาขาร้านยาภายใต้แบรนด์ LAB Pharmacy รวมเป็น 30-31สาขาจากเดิมที่ 20 สาขา อีกทั้งที่โรงพยาบาลนครพัฒน์ เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาด 59 เตียงอยู่ระหว่างรีโนเวต คาดจะดำเนินการอย่างเต็มประสิทธิภาพได้ในปี 2567 ดังนั้นภาพรวมธุรกิจปี 2567 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้

“เราลงทุนไปค่อนข้างเยอะ โดยจะเห็นผลการลงทุนเต็มที่ในปี 2569 ดังนั้นเรามองว่า IP เป็นหุ้นการเติบโตระยะยาว ส่วนระยะสั้นเรายังต้องใช้เงินลงทุนขยายธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าผลประกอบการเราไม่ดี ผลงานยังดีอยู่ และเราต้องการเป็นบริษัทนวัตกรรม หรือมีสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างทันสมัย” ดร.ตฤณวรรธน์ กล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS ระบุว่า IP ได้เกิด Downside Risk ราคาหุ้นจำกัดแล้วจากถูกเทขายไปหลังงบ ออกมาผิดคาด เพราะมีการใช้ค่าโฆษณาทีวีที่มากกว่าปกติราว 10-20 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 แม้จะยังมีการยิงโฆษณาโปรโมตสินค้าใหม่อยู่ช่วง กันยายน-พฤศจิกายน 2566

ขณะที่รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า จะเพิ่มขึ้นมาชดเชยได้มาก ดังนั้นจังหวะนี้น่าจะเป็นช่วงของการสะสม หรือ Early Bird Call สำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่มองข้ามจังหวะสะดุดระยะสั้นจากค่าการตลาด และถือไประยะหนึ่งเพื่อรอ Catalysts ใหม่ได้ เช่น ดีลกับพันธมิตรกลุ่ม ปตท. รวมถึง โอกาสขยายสาขาร้านขายยากับปั๊มของ OR และการนำบริษัทย่อยเข้า IPO ต่อเนื่องตั้งแต่ปีหน้า

** เคาะเป้า 16 บาท

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ได้ประเมิน Fine-Tune กำไรปี 2566-2568 ลง 28-36% เพื่อสะท้อนรายได้ช้ากว่าคาด และค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้าไปแล้ว ปี 2567 คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตแรง 43% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แนะนำ “ซื้อ” เลื่อนไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 16 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PEG เทียบการเติบโตของกำไรปี 2567 เพียง 0.6 เท่า

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=