ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 440.82 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรายได้จากงานเอกชน 60% และรายได้จากงานราชการ 40% โดย ณ สิ้นเดือนปี 2567 มี Backlog รวมเป็น 495 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม Healthcare 44% และกลุ่ม Commercial 37% ตามลำดับ
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการควบคุมอัตรากำไรขั้นต้น ของโครงการไม่ต่ำกว่า 25% ยกเว้นงานที่มีมูลค่าที่ปรึกษามากกว่า 50 ล้านบาท สามารถกำหนดให้มีอัตรากำไรขั้นต้น ต่ำกว่า 25% ได้ โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่บริษัทใช้เสนองานเฉลี่ยประมาณ 30%
ล่าสุดบริษัทได้รับงานใหม่งานจัดจ้างบริหารและควบคุมโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี มูลค่ารวม 346 ล้านบาท โดย PPS ได้รับสัดส่วนงาน 40%
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มทุนใน บริษัท สะพัฒน์ โปรเจค จำกัด (SPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม ขณะนี้เริ่มจัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการตรวจวัด การวางแผนการลดคาร์บอน และการรับรองคาร์บอนเครดิต เพื่อต่อยอดจากธุรกิจการก่อสร้างอย่างยั่งยืนครบวงจร
ด้านการเป็นตัวแทนจำหน่ายแอปพลิเคชัน KANNA สำหรับงานบริหารและควบคุมการก่อสร้างโครงการกระแสตอบรับดี มีลูกค้าให้ความสนใจสอบถามรายละเอียดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทสามารถปิดการขายและรับรู้รายได้ตามกรอบที่วางไว้
สำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอัลตร้าลักซ์ชัวรีวิลล่าในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) หลังจากที่วางแผนร่วมออกแบบตกแต่งวิลล่ากับหนึ่งในแบรนด์ระดับโลก เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า โดยปรับราคาขายเริ่มต้นที่ 350 ล้านบาท ประกอบกับภาพรวม จ.ภูเก็ต ปรับตัวดีขึ้น รับรัฐบาลใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าและมีแนวโน้มปิดการขายได้ 1 หลังภายในปีนี้
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวม 207.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 203.31 ล้านบาท จำนวน 4.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.99% เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้และส่งมอบงานโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีก่อน และการส่งมอบโครงการระยะสั้นที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี แม้ว่ารายได้ที่รับรู้ในงวดจะต่ำกว่าแผนงานที่วางไว้ จากการลดลงของโครงการควบคุมงานระยะสั้นก็ตาม โดยรวมแล้วบริษัท มีการเติบโตเพิ่มขึ้นในหลายโครงการ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้น 50.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 47.16 ล้านบาท จำนวน 3.14 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น
แนวทางการบริหารความเสี่ยงด้านแข่งขันธุรกิจ เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น รวมทั้งผู้ประกอบการรายเดิมก็ขยายตัวเพื่อรองรับโอกาสที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงมีความมุ่งเน้นที่จะสร้างความได้เปรียบด้วยการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจให้เป็นรูปธรรมและจับต้องได้มากขึ้น เช่น การพัฒนานวัตกรรมเพื่อการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง อีกทั้งบริษัทยังขยายขอบเขตการให้บริการอย่างครอบคลุมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ตลอดจนดำเนินงานตามนโยบายคุณภาพเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และความเสี่ยงด้านการพึ่งพิงผู้บริหารหลักและขาดแคลนบุคลากรในตำแหน่งสำคัญ การรักษาและพัฒนาทรัพยากรบุคคลมีความสำคัญอย่างยิ่งกับธุรกิจข เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน บริษัทได้วางแผนการอบรมพัฒนาความสามารถเพื่อพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมารับช่วงต่อจากผู้บริหารรุ่นเก่า และเพิ่มผลตอบแทนและสวัสดิการแก่บุคลากรที่มีคุณค่า เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานและป้องกันการสุญเสียบุคลากรที่สำคัญ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม