#THIP #ทันหุ้น - THIP วางเป้ารายได้ในปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน มองความต้องการใช้งานถุงซิปยังขยายตัวต่อเนื่อง วางงบ 200-300 ล้านบาท เพิ่ม-ปรับปรุงประสิทธิ์ภาพกำลังการผลิต แย้มศึกษา M&A - JV ทั้งในและต่างประเทศ มูลค่าต่อดีลเฉลี่ยหลักร้อยล้านบาท หวังเสริมความแข็งแกร่ง

นายเดชบดินทร์ เหรียญทรัพย์ดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้นำด้านผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3,797 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะถุงซิปยังมีการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอยางต่อเนื่อง

*ดีมานด์เติบโต

โดยประเมินการเติบโตของตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3% ต่อปี สำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา คาดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยกว่า 6-8% ต่อปี ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายมากกว่า 80-85% มาจากการส่งออก ส่วนที่เหลือเป็นสัดส่วยการขายในประเทศ ดังนั้นบริษัทจึงมองว่าจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของดีมานด์ในกลุ่มตลาดที่กล่าวไปข้างต้น

ส่วนตลาดในประเทศนั้น ในปี 2565 บริษัทยังคงมุ้งเน้นขยายตลาดสินค้า Own brand และขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นอีกด้วย สำหรับประเด็นเรื่องของราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาเม็ดพลาสติกโดยเฉพาะ PE และ PP ที่ถือเป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทที่ใช้ในกระบวนการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น เบื้องต้นในระยะสั้นอาจมีผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตของบริษัทอยู่บ้าง แต่มองว่าบริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้ดีอยู่เพราะสามารถปรับเรื่องของราคาขายส่งผ่านไปยังลูกค้าได้

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจในการขยายธุรกิจให้มีการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต ทั้งรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการ(M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัท รวมไปถึงการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ เบื้องต้นคาดว่าอาจจะมีมูลค่าดีลซื้อกิจการประมาณหลักร้อยล้านบาท แต่อย่างไรก็ดีอาจยังไม่สามารถระบุรายละเอียดที่ชัดเจนได้ในตอนนี้ สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้บริษัทมีกระแสเงินสดในมือที่สามารถลงทุนได้ รวมถึงสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้

*อัดงบอัพแกร่ง

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทวางงบประมาณไว้ที่ราว 200-300 ล้านบาท หลักๆ จะใช้รองรับสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรให้สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงเพิ่มประสิทธิ์ภาพทางการผลิตให้สามารถรองรับผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า ODM ที่ให้มาร์จิ้นในระดับที่สูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเข้าไปใช้ลูกค้าตั้งแต่เรื่องของการพัฒนาผลิตภั๊ฑ์ ไปตลอดจนการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการ โดยการนำเอาเรื่ององนวัตกรรมเข้ามาช่วย ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตที่เหนือคู่แข่ง

กรณีความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและฟรีโฟลตของบริษัทอยู่ในระดับต่ำนั้น ขณะนี้ฝ่ายบริหารมีแผนที่จะจัดการแก้ไขปัญหากับประเด็นดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการการลดราคาพาร์ของหุ้นลง (แตกพาร์) และการปันผลเป็นหุ้นเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องไปแล้ว

"แผนงานในปี 65 เราวางป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ตัวเลข 2 หลักจากปีก่อน โดยมองว่าความต้องการใช้ถุงซิปยังมีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าโรคโควิด-19 ที่ระบาดหนักในช่วงที่ผ่านมา มีผลในการเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคและให้ความสนใจดูแลเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนตลาดหลอดพลาสติกนั้นมองว่าจากนี้คงทรงตัว ด้วยปัจจัยการลดการใช้หลอดพลาสติกและหันมาใช้หลอดกระดาษกันมากขึ้น อย่างไรก็ดี เรายังไม่หยุดนิ่งและมองหานัวตกรรมใหม่ๆ มาอัพเกรดฌปรดักส์ที่เรามีอยู่เสมอ"นายเดชบดินทร์ กล่าว

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1