ทันหุ้น-SKE ทำสัญญาขายเชื้อเพลิงขยะ RDF ให้กับ SCC และบริษัทในเครือจำนวน 135,000 ตัน ในระยะเวลา 4 ปี และสามารถต่อสัญญาครั้งละ 2ปี ขณะเดียวกันกำลังเจรจากับลูกค้าอีก 2-3 ราย โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ จะมีกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี คาดดำเนินการผลิตได้ไตรมาส 4/65 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจใหม่นี้ปีละ 280 ล้านบาท พร้อมวางแผนใน 5 ปี จะมีโรงไฟฟ้าขยะ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะ หรือ RDF ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี ณ จังหวัดสระบุรี ซึ่งใช้มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 400 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ซึ่งมีบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC และบริษัทในเครือ ที่จะซื้อเชื้อเพลิงขยะในจำนวน 135,000 ตันต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุสัญญาครั้งละ 2 ปี ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังมีกำลังการผลิตเหลืออีก จึงได้มีการเจรจากับลูกค้าอีก 2-3 ราย

คาดทำรายได้280ล้านบ.

ทั้งนี้โรงงานดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า และจะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้าง 9 เดือน จึงคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/2565 นี้ โดยคาดว่าธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 280 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบันนี้บริษัททำธุรกิจ 3 ส่วน ซึ่งเป็นธุรกิจที่สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์ได้ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขนาดกำลังการผลิต 9.90 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 8.00 เมกะวัตต์ ในระยะเวลา 20 ปี ซึ่งเริ่มทำการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) เมื่อสิงหาคม 2562

ธุรกิจต่อมาได้แก่ สถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน ให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติ และล่าสุดคือการที่บริษัทได้เข้าไปซื้อบริษัท เอ็น 15 เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการของเสียหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย โดยการคัดแยกและแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเอ็น 15 ประกอบธุรกิจ 2 ส่วนได้แก่ธุรกิจบริการคัดแยกและกำจัดขยะ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงขยะ RDF

เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 SKE ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท เอ็น 15 เทคโนโลยี จำกัด จากบริษัท อัลไพน์เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัท แคปปิตอล กรีนเทค จำกัด ในมูลค่า 145 ล้านบาท โดยจะเป็นการสร้างโอกาสในการขยายการเติบโตของธุรกิจ และเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจหลักในปัจจุบัน และทำให้มีเสถียรภาพสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะยาว อีกทั้งธุรกิจคัดแยกและจำกัดขยะของ เอ็น 15 มีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากสอดคล้องกับรูปแบบและแนวโน้มของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการแปรรูปขยะให้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน

เล็งโรงไฟฟ้าขยะใน 5 ปี

ด้านนางสาวนภาพร สาธิตธรรมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัท เอ็น 15 เทคโนโลยี เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจระยะยาว เพราะมองว่าปัจจุบันนี้พลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ ยังมีความต้องการอีกมากในอนาคต เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกพยายามที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะดำเนินธุรกิจด้านพลังงานอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ แต่ในช่วง 1-3ปีต่อจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นในธุรกิจด้านต้นน้ำและกลางน้ำก่อน เพื่อที่จะสร้างผลกระทบให้มีเสถียรภาพ หลังจากนั้นจะจึงขยายไปยังธุรกิจปลายน้ำ โดยบริษัทคาดหวังว่าภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมีโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทสนใจ

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของ SKE รับรู้รายได้รวม 112.21 ล้านบาท ลดลง 15.1% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3.31 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 77.7% เนื่องจากปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติที่ลดลงของสถานีปทุมธานีและสถานีสระบุรี รวมทั้งการปรับช่วงเวลาการซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง

ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง รายได้อยู่ที่ 66.94 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักเกิดจากจำนวนชั่วโมงการหยุดผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องด้วยการปรับช่วงเวลาการซ่อมบำรุงจากไตรมาส 4 เป็นไตรมาส 3

ในด้านผลการดำเนินงานของ N15 Technology ซึ่งดำเนินธุรกิจบริหารจัดการของเสียหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย โดยการคัดแยกและแปรรูปขยะ เป็นเชื้อเพลิงขยะ RDF โดย SKE ได้เข้าซื้อ N15 Technology เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 รายได้อยู่ที่ 53.47 ล้านบาท