ทันหุ้น – JMTตั้งเป้าขึ้นแท่นเบอร์ 1 ธุรกิจบริหารสินทรัพย์: AMC ภายใน 3 ปี หลังปรับลดต้นทุนอัตราดอกเบี้ยจ่ายได้ 300 ล้านบาท, เดินหน้าเพิ่มวงเงินซื้อหนี้ต่อเนื่อง 3 ปี ควบคู่เก็บเงินสดจากพอร์ตหนี้ไม่มีต้นทุนในการบริหารจัดการ และได้มาร์จิ้นที่ดี ช่วยหนุนกำไรของบริษัทคาดปี 2564 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวถึงแผนการเพิ่มทุน RO 241 ล้านหุ้น จะทำให้ JMT มีเงินทุนเพิ่มขึ้น 1 หมื่นล้านบาท ไปชำระหนี้ราว 2,700 ล้านบาท สามารถปรับลดต้นทุนอัตราดอกเบี้ยจ่ายได้ราว 300 ล้านบาท ส่งผลให้หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio : D/E Ratio) ลดลงจาก 1.1% เหลือ 0.4%
“การระดมเงินทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากการเพิ่มทุนแบบ Right Offering (RO) เพื่อจะนำเงินไปชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ย และเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงใช้ในการซื้อหนี้ที่มีคุณภาพในราคาเหมาะสมเข้ามาบริหาร โดยมีเป้าหมายขึ้นเป็นบริษัทอันดับ 1 ในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ AMC ภายใน 3 ปี”
ลุยซื้อหนี้ขยายพอร์ต
ทั้งนี้ JMT ตั้งงบลงทุนในการซื้อหนี้มาบริหารในปี 2565 ที่ 7,000 ล้านบาท, ปี 2566 ที่ 15,000 ล้านบาท, และ 20,000 ล้านบาทในปี 2566 และคาดว่าปัจจัยที่หนุนกำไรของบริษัทในปี 2564 จะเติบโตก้าวกระโดดได้นั้นมาจากการรับรู้รายได้จากพอร์ตหนี้ที่มีการชำระเสร็จสิ้น (Fully Amortized) ที่จะมีการรับรู้รายได้จากการจัดเก็บหนี้ที่การชำระเสร็จสิ้นเพิ่มมาอีก 7,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นพอร์ตหนี้ที่บริษัทไม่มีต้นทุนในการบริหารจัดการ และได้มาร์จิ้นที่ดี ช่วยหนุนกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
อนึ่ง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMTรายงานผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 JMT มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุนภาพรวมอยู่ที่ 217,557 ล้านบาท โดยมีขนาดของพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพที่ตัดต้นทุนครบแล้ว 49,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,255 ล้านบาท จากช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 571.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,625.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากยอดจัดเก็บหนี้ที่เติบโต (Cash Collection) ที่ทำได้ 1,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
ปรับประมาณการกำไรขึ้น 18-27%
อนาคตแกร่ง-เป้า 58 บ.
บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในรายงานบทวิเคราะห์ว่า จากสถิติของ JMT ตั้งแต่ปี 2549-2563 สามารถเก็บหนี้จนถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3.5-4 ปี หรือคิดเป็นผลตอบแทนราว 25% ดังนั้นหาก JMT สามารถซื้อหนี้ระดับ 1 หมื่นล้านบาท จะทำให้ยอดเก็บเงินสดเพิ่มขึ้นราว 2,000 – 2,5000 ล้านบาทต่อปี
พร้อมคาดการณ์แนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 3/2564 ต่อเนื่องไตรมาส 4/2564 สามารถเติบโตได้ 5-10% QoQหนุนจากการจัดเก็บหนี้ที่ไม่มีต้นทุนแล้วได้มากขึ้น หนุนกำไรทั้งปี 2564 ที่ 1,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% YoY
และคาดว่า JMTจะมียอดเก็บเงินสดทั้งปี 2564 ราว 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%YoY โดยมีอัตรากำไรดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด, ยอดเก็บเงินสดต่อจำนวนพนักงานติดตามหนี้จะสูงขึ้นจากความเชี่ยวชาญและการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้นมาโดยตลอด จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2565 ขึ้นเป็น 2,400 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 67% YoY และกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY
ขณะที่ระยะกลางด้วยมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้น มีโอกาสที่บริษัทถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ราวกลางปี 2565 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 58 บาท
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม